Tag: วัตถุดิบ
ขนมจีบเห็ด

ขนมจีบเห็ด : เป็นการทดลองทำครั้งแรก ใช้เห็ดมาสับๆผสมกับแป้งเป็นไส้ ออกมาหน้าตาแบบนี้
รูปสวยนะ แต่กินลำบาก เพราะไม่ได้ปรุงรสอะไรเลย เห็ดก็ไม่ได้ลวกหรือผัดก่อน เลยออกมาแปลกๆ มือใหม่หัดทำอาหารก็แบบนี้ละน้อ ลองผิดลองถูกกันต่อไป
มีคนถามบ่อย ว่าเอาเมนู หรือสูตรมาจากไหน ก็บอกเขาว่าไม่มีหนังสือสูตรอาหารมังฯติดบ้านไว้เลยก็ดูตามอินเตอร์เน็ตนี่แหละ เห็นเขาทำเมนูอะไรก็เอามาดัดแปลง ใส่วัตถุดิบอื่นๆแทนเช่น เห็ด ผัก ฯลฯ
แค่นี้เราก็จะได้อาหารมังฯ ที่ใกล้เคียงความรู้สึกเดิมๆกับอาหารที่เราเคยชอบกิน
ส้มตำมังสวิรัติ

ตำเองกินเอง ได้รสที่ชอบ ใส่เครื่องได้ตามชอบ กุ้งแห้ง ปูเค็ม ไม่ต้องใส่ ก็เลยไม่ต้องซื้อ
ไปกินร้านส้มตำก็สั่งส้มตำไ
ส้มตำมังสวิรัติ มีส่วนประกอบที่ใช้คือ
- มะละกอ
- แครอท
- มะเขือเทศ
- ถั่วฝักยาว
- พริก
- กระเทียม
- มะนาว
- มะขามเปียก
- ถั่วลิสงคั่ว
- น้ำตาลปี๊ป
- เกลือ
วิธีทำ ส้มตำมังสวิรัติ
- เราก็เตรียมวัตถุดิบก่อน โดยเตรียมสับมะละกอให้เป็นเส้นขนาดตามที่ชอบ หักถั่วฝักยาวเป็นท่อนยาวราว 1 ข้อนิ้ว หั่นแครอทรอไว้
- จากนั้นก็นำกระเทียม พริก ลงไปตำในครก ตามด้วยเครื่องปรุง เกลือ น้ำตาลปี๊ป มะนาว น้ำมะขามเปียก มะขือเทศ ตำๆไป
- หลังจากนั้นค่อยใส่วัตถุดิบที่ใหญ่ขึ้น คือ ถั่วฝักยาว แครอทสับ มะละกอสับบางส่วน ตำคลุกเคล้ากันไป ลองชิมรสชาติดู ถ้าไม่ถูกใจก็ปรุงเพิ่ม ถ้าพอใจแล้วก็ใส่มะละกอ แครอท ถั่วฝักยาวที่เหลือ
ส้มตำนั้นเป็นอาหารที่ทำไม่ยาก แค่ส่วนประกอบเยอะ ถ้าจะทำกินเองแล้วอาจจะดูยุ่งยากสักหน่อย แต่ก็สามารถควบคุมปริมาณและรสชาติได้ดีกว่าการไปซื้อกิน การทำส้มตำหนึ่งครั้งในวัตถุดิบหนึ่งชุด สามารถตำส้มตำได้มากกว่า 4 ครก
อาหารมังสวิรัติ ไม่อร่อย?

การเริ่มต้นกินมังสวิรัติ ผู้ทดลองกินหลายคนก็คงจะได้สัมผัสกับความแตกต่าง ที่ต่างไปจากตอนที่ยังกินเมนูอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมอยู่ ไม่มากก็น้อย
ถ้าให้คนทั่วไปเลือกว่าจะกินเนื้อหรือผักในราคาที่จ่ายตามจริง หลายคนก็ยังคงจะเลือกที่จะกินเนื้อ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่า แต่เขาก็ยินดีที่จะแลกกับความอร่อยที่จะได้รับ คงจะมีส่วนน้อยที่จะเลือกกินผักเป็นหลัก หรือคนที่เลือกกินเนื้อสัตว์นั่นเขาอาจจะเข้าใจว่า อาหารมังสวิรัติ ไม่อร่อย? (เท่าเนื้อ)ก็เป็นได้
จากที่สังเกตจากตัวเองมาพบว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้ติดในรสชาติของเนื้อสัตว์ แต่เราติดในรสชาติของการปรุงอาหาร เช่น เมื่อสมัยที่ยังกินเนื้อสัตว์ ชอบไปสั่งอาหาร ที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอย “กะเพราหมูกรอบไข่ดาว” แต่พอหันมากินมังสวิรัติก็เปลี่ยนเป็น “กะเพราเห็ดดอกกะหล่ำ” รสชาติยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแค่รสสัมผัสบางอย่างหายไป เช่นความกรอบ ความหนาของวัตถุดิบที่เคี้ยว (กินผักเคี้ยวง่ายกว่าเนื้อสัตว์อยู่แล้ว)
ก็เลยเข้าใจว่าจริงๆแล้วเราสามารถแทนที่วัตถุดิบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรสชาติ จะทำให้เราหันมากินมังสวิรัติได้ง่ายขึ้น โดยสามารถก้าวข้ามความรู้สึกว่า อาหารมังสวิรัติไม่อร่อยไปได้ง่าย เพราะจริงๆแล้วความอร่อยไม่ได้มาจากเนื้อสัตว์แต่มาจากการปรุงรส และจริงยิ่งกว่านั้นคือความอร่อยมาจากกิเลสของเราเองต่างหาก
การเริ่มต้นกินอาหารมังสวิรัติที่ร้านอาหารที่ขายมังสวิรัติหรือเจ โดยตรง อาจจะทำให้รู้สึกแปลกใจในรสชาติ และรสสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย (แต่จริงๆแล้วร้านอาหารมังสวิรัติ&เจ เขาก็ทำอาหารอร่อยนะ) เราอาจจะเริ่มลองเปลี่ยนจากเมนูในชีวิตประจำวันให้มีผักมากขึ้น แทนที่เนื้อด้วยผักมากขึ้น โดยให้คงรสชาติอาหารให้เหมือนเดิม ให้ตัวเราเองค่อยๆปรับตัวเรียนรู้กับอาหารมังสวิรัติไปอย่างช้าๆ จะดีกว่าหักดิบเปลี่ยนแปลงชีวิตไปเพียงความคิดแค่ว่าคนอื่นทำได้เราก็ทำได้ เพราะเพียงแค่ “คิด” ว่าจะกินได้นั้น ยังมีพลังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง บางครั้งอาจจะยากเกินไปที่เราจะทำได้ ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าเราติดยึดเนื้อสัตว์มาก จะเลิกในวันสองวันคงทำไม่ได้ มันจะทรมานร่างกายและจิตใจเกินไป ส่วนผู้ที่สามารถปรับมากินมังสวิรัติได้ตามที่ใจคิดก็ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านจัดอยู่ในหมวดคนมีบุญ
แต่…ฉันยังอยากมีความสุขกับการกินเนื้ออยู่…. เคยได้ยินประโยคนี้มา ยอมรับเลยว่าเป็นคำพูดที่จริงใจมาก การยอมรับว่าตัวเองอยากเสพหรือติดอะไร จะเป็นกุญแจที่ไขสู่การแก้ปัญหาได้ง่ายมากกว่าการ ปิดบัง สร้างภาพ วางฟอร์ม ฯลฯ
ต้องยอมรับจริงๆเลยว่าสมัยก่อนก็เคยมีความสุขกับการกินเนื้อสัตว์เหมือนกัน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะเราได้สุขที่เหนือกว่า เรามีสิ่งใหม่ที่ดีกว่า เราเลยยอมทิ้งสิ่งเก่าที่ดูเหมือนว่าจะดี ที่มันหลอกเรามาทั้งชีวิตว่าดี
เราใช้ชีวิตผิดๆมา จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาบอกว่าการกินมังสวิรัตินั้นดี ด้วยความที่เราพิจารณาตามเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อกันและกัน เราก็ว่าดี เลยทดลองปฏิบัติตามดู จนวันหนึ่งได้พบกับ “ ความสุขที่มากกว่า” คือความสุขที่ปราศจากความอยาก การเบียดเบียนใดๆ เป็นสุขที่มากกว่าเสพ ให้เอาเนื้อสัตว์กิโลกรัมและแสนบาท ล้านบาท หรือมากกว่านั้น มาแลกก็ไม่ยอมเสียไป
มีคนมากมายถามว่า ไม่อยากกินเนื้อสัตว์แล้วหรือ? เห็นแล้วอยากกินไหม? มันโหยหาไหม? เราก็สามารถตอบไปได้เต็มปากเลยว่ามันไม่มีความอยากเหลือเลย เคยไปกินเลี้ยงอยู่ครั้งหนึ่งเขาเลี้ยงสเต็กกัน เราก็สั่งขนมปัง มันฝรั่ง ซุปข้าวโพด สลัดผัก มากินได้อย่างมีความสุข แม้ว่าจะมีเนื้อสเต็กชั้นดีวางตรงหน้า หั่นไว้ให้พร้อมจิ้มเข้าปาก แต่เราก็ยินดีที่จะไม่กินมันอย่างมีความสุข
ในความจริงประโยค “ฉันยังอยากมีความสุขกับการกินเนื้ออยู่….” ผู้กล่าวขึ้นมา ก็ได้แสดงความทุกข์ออกมาอยู่แล้ว นั่นคือถ้าไม่ได้กินเนื้อจะทุกข์ การลำบากไปหาเนื้อสัตว์กินก็ทุกข์ เพราะต้องไปตามหารสชาติหรือรสสัมผัสที่มากกว่าเดิมเรื่อยๆมาสนองกิเลสที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย ทุกครั้งที่กินเนื้อก็จะได้สุขจากเสพเพียงเล็กน้อย แต่กลับได้ความ “อยาก” เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องแสวงหาเนื้อคุณภาพดีที่ถูกปาก ให้ลำบากกายไปหากิน ไปหาเงิน หาเวลาไปกินกันต่อไป
จึงจะเห็นได้ว่ายิ่งเสพ…ยิ่งอยากเสพ ยิ่งอยากเสพมาก…กิเลสก็เพิ่มมาก กิเลสมาก…ก็ทุกข์มาก มีแต่ทุกข์กับทุกข์ทั้งต้นทางและปลายทางเท่านั้นเอง
ในเมื่อทุกข์มันรออยู่ปลายทางแล้วยังจะเดินต่อไปอีกหรือ? ยังทุกข์ไม่พออีกหรือ? และสุดท้ายไม่ว่าจะมีเงิน ทอง ทรัพย์สิน เท่าไร ก็คงไม่สามารถซื้อสุขมาเติม ตามที่กิเลสต้องการจะเสพให้เต็มได้
ผัดกะเพราเห็ดนางฟ้า
ในชุมชนต่างจังหวัด รถขายผักขายวัตถุดิบต่างๆ จะมาตามเวลา ทำให้ชาวบ้านหาซื้อวัตถุดิบได้สะดวก แม้จะไม่มีตลาดใกล้ๆ
ผมก็ชอบมารอรถขายผักเหมือนกัน มักจะซื้อเห็ดนางฟ้ามา เพราะเป็นเห็ดอย่างเดียว ที่มีตามรถหิ้วแบบนี้ ซื้อ 1 ถุง 20 บาทสามารถนำมาผัดสำหรับกินสองมื้อได้สบายๆ

จานนี้ก็เป็นผัดกะเพราราดข้าว ข้าวที่ใช้ก็ข้าวกล้อง ใส่ไขดาวหนึ่งใบ สมัยนั้นยังกินไข่อยู่ ถ่ายรูปออกมาก็สวยดีทีเดียว ส่วนรสชาติก็กินง่ายหมดไว อร่อยกันง่ายๆ
ผัดกะเพราเห็ดนางฟ้า ผัดกะเพราเป็นเมนูที่ผมทำไม่บ่อยนัก แต่ก็ชอบมาก เพราะว่าอยู่บ้านเช่า ไม่มีต้นกะเพรา ต้องคอยซื้อเขากิน ก็ลำบากอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะไม่มีตู้เย็น เก็บไว้เกินหนึ่งวันก็เหี่ยวแล้ว
เราสามารถประยุกต์ใส่เห็ดอื่นๆได้ตามชอบ ใครชอบเห็ดแบบไหนก็ใส่ไป ล่าสุดได้ลองใส่เห็ดขอนขาว ก็อร่อยมาก เพราะรสสัมผัสต่างไปจากเห็ดนางฟ้า ทำให้เมนูกะเพราของเราอร่อยหลากหลายจนกินได้ไม่เบื่อ

ผัดกะเพราเห็ดนางฟ้า ผัดกะเพราเป็นเมนูที่ผมทำไม่บ่อยนัก แต่ก็ชอบมาก เพราะว่าอยู่บ้านเช่า ไม่มีต้นกะเพรา ต้องคอยซื้อเขากิน ก็ลำบากอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะไม่มีตู้เย็น เก็บไว้เกินหนึ่งวันก็เหี่ยวแล้ว


ึความคิดเห็นล่าสุด