Veggie Kitchen ทักทาย ๒๕๕๙ | 2016
สวัสดีปี ๒๕๕๙ | 2016
ในปีที่ผ่านมาก็เรียกได้ว่า แทบไม่ได้แตะบล็อกแห่งนี้เลย คงเพราะงานอัพเดทเว็บนั้นเป็นงานซ้ำซ้อนกับในเฟสบุค ซึ่งเว็บไซต์นี้ทำหน้าที่เป็นการสำรองข้อมูลจากเฟสบุคเป็นหลัก แต่ก็ยังคิดว่าถ้ามีเวลาก็จะกลับมาอัพเดทเป็นรอบๆ ไป เพราะอย่างไรก็ตาม การลงข้อมูลไว้ก็ยังมีประโยชน์อยู่ดี เป็นอีกช่องทางหนึ่งให้ผู้สนใจได้เข้าถึงข้อมูล
ในปี 2016 นี้ แนวทางของ Veggie Kitchen ในเรื่องของอาหารดูจะแผ่วเบาลงอย่างมาก เพราะไม่ค่อยได้แสวงหาอะไรใหม่ๆ แล้ว ชีวิตก็วนอยู่กับเมนูเดิมๆ ซึ่งแม้แต่ใจเฟสบุคเพจก็ยังเรียกได้ว่าเงียบ แต่ก็จะพยายามพิจารณาประโยชน์ของการลงภาพอาหารเพื่อให้ผู้คนได้พิจารณาหรือรับรู้การมีอยู่ของอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ ก็ติดตามกันต่อไปว่าปีนี้จะเป็นอย่างไร
ผู้ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ถ้าต้องการข้อมูลใหม่ๆ ก็สามารถติตดามได้ในเฟสบุค Veggie Kitchen เป็นหลัก เพราะถ้าจะเลือกเผยแพร่ก็จะลงในเฟสบุคก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถ้าว่างจริงๆ จึงค่อยมาอัพเดทในเว็บไซต์แห่งนี้ ติดตามกันได้เลยทางปุ่มด้านล่างหรือป้ายโฆษณาด้านขวา
เห็ดย่างน้ำจิ้มไดโดมอน
เห็ดย่างน้ำจิ้มไดโดมอน
เคยทำเมนูนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่เดินผ่านร้านปิ้งย่างก็รู้สึกค้างคาใจว่าถ้าเราไปกินในร้านจะเป็นอย่างไร
คิดไปคิดมา เราก็กินเห็ดย่างได้เหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่ต่างอะไรกับทำกินเองที่บ้าน ความอยากลองกินที่ร้านก็หายไป
เพื่อไม่ให้ค้างคาใจก็เลยไปซื้อน้ำจิ้มไดโดมอนมา 1 ขวด(ประมาณ 40 บาท) เห็ดออรินจิ (1 กก. 100 บาท) พริก กระเทียม แล้วก็เอามาทำเตรียมกิน
สุดท้ายก็กินให้หายอยาก ให้หายสงสัยว่ารสมันจะยังไงหนอ จริงๆมันก็เหมือนกับกินที่ร้านละนะ อยากกินเห็ดอะไรก็เอามาปิ้งเท่านั้นเอง
เหมาะสำหรับคนมีเตา แต่ถ้าไม่มีก็ย่างเอากับกะทะก็ได้เหมือนกันนะ อารมณ์ใกล้ๆกัน แต่ประหยัดกว่าไปกินที่ร้านเยอะเลย
มินิเบอร์เกอร์ผัก
มินิเบอร์เกอร์ผัก
ช่วงนี้เห็นมีร้านเบอร์เกอร
เคยทำก้อนเห็ดทอดที่สร้างสั
เราติดในรสอาหารแต่ไม่จำเป็
หันมาใช้ผักจริงๆที่ไม่ต้อง
ส่วนขนมปังจะใช้แบบแผ่นทั่ว
ในส่วนของซอสนี่จะทำเองก็ได
พิซซ่าผัก
พิซซ่าผัก
กินตามร้านมาก็เยอะก็เลยลองมาทำเองดู สูตรก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร อย่างขนมปังนี่ก็พอหาซื้อได้ ซอสพิซซ่าก็ทำเองได้ ใครขี้เกียจก็ซื้อเอาได้มีขายเป็นขวด
หั่นผักที่ชอบ ไม่ต้องหนามาก อบแล้วจะสุกยาก ในรูปนี้ใช้เตาอบลมร้อนที่เป่าลมจากด้านบน ก็ถือว่าง่ายๆ
ในเรื่องชีสนี้ถ้าคนไม่กินก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ เพราะเวลาไปกินที่ร้าน บางร้านเขาก็ให้ชีสไม่เยอะ อารมณ์คล้ายๆไม่ใส่
จริงๆแล้วถึงจะไม่ใส่ชีสก็ยังได้อารมณ์พิซซ่าอยู่ดีนั่นแหละ เพราะเนื้อแท้ที่ทำให้ได้รสพิซซ่าคือซอส ส่วนชีสมาเป็นตัวเสริมในรสสัมผัสเสียมากกว่า
ทำเองจะถูกกว่าไปซื้อกินมาก แถมใส่ผักได้ตามชอบ ขนมปังสำเร็จรูปแบบแผ่นกลม 7 นิ้วเขาขาย 2 แผ่น 40 กว่าบาท ส่วนผักกับซอสนี่ก็ไม่เท่าไหร่ ในส่วนของชีสนี่ 100 บาทก็ใส่พิซซ่า 7 นิ้วได้หลายแผ่นทีเดียว
น้ำพริกหนุ่ม
น้ำพริกหนุ่ม
บังเอิญว่าไปเจอพริกหนุ่มลดราคา ก็เลยซื้อมาลองทำน้ำพริกหนุ่มดู (อ้างอิงวิธีจาก : http://2g.pantip.com/cafe/food/topic/D8500905/D8500905.html)
ก็ไม่ยากอะไร ย่างพริก หอมแดง กระเทียม แล้วก็เอามาตำๆ ใส่เกลือหน่อย ตำๆไปจนแหลกตามใจชอบ
จะเอาไปจิ้มกับอะไรก็ตามสะดวก แต่ถ้ามีเตาย่างแล้วก็กินกับมะเขือเผาก็น่าจะอร่อยดี มะเขือยาวที่ตลาดก็ถูกนะ 3-4ลูก 10 บาทเอง
ซูชิผัก
ซูชิผัก
เห็นรูปในอินเตอร์เน็ตมาก็มาก เลยคิดจะมาลองผิดลองถูกด้วยตัวเองกันสักที
เพราะไปกินร้านมันก็มีอยู่ไม่กี่ชนิดที่เราจะสั่ง ข้าวปั้นหน้ายำสาหร่าย มากิไส้ผักดอง ข้าวห่อเต้าหู้ (อิราริซูชิ) คงแค่ประมาณนี้ แต่ถ้าทำกินเองก็สามารถเลือกได้มากกว่า
………..แท้จริงแล้วซูชินี่ทำไม่ยากเลย ข้าวก็หุงไม่ยากน้ำไม่ต้องเยอะ หลังจากสุกแล้วก็ปรุงน้ำส้มใส่เกลือและน้ำตาลไปตามชอบ
ถ้าเอามาทำมากิก็ง่ายหน่อย แค่วางสาหร่ายบนเสื่อไม้ไผ่แล้วใส่วัตถุดิบ ม้วน ม้วน ม้วน ก็เสร็จแล้ว
ส่วนพวกนิกิรินี่มันต้องใช้มือปั้นเอา ก็เรียนรู้กันไป พวกผักแปะหน้านี่ถ้าเอาไปย่างหรือผัดก่อนก็จะดีมาก กินสดอาจจะเหม็นเขียวไปบ้าง
………..สรุปว่าไม่ยาก ขั้นตอนไม่มาก แต่หลากหลายไปตามความอยาก มีผักที่รสชาติและรสสัมผัสเข้ากันไม่มาก อยากรู้ต้องลองเอง ถ้าเอาชัวๆก็ยำสาหร่ายตามปกติของเขานะ
ซูชินี่ก็เหมือนข้าวเหนียว…กับอาหารอีสานนี่แหละ ปั้นก้อนแล้วจกเป็นคำๆ คล้ายๆกันแค่ต่างรูปต่างรส และต่างตรงข้าวเหนียวนี่มันปั้นด้วยมือตัวเอง แต่ซูชิใช้มือคนอื่นปั้น
การลองทำครั้งนี้พบว่ายุ่งยากด้วยความหลากหลายแถมวัตถุดิบที่เข้ากันจริงๆก็น้อย ซึ่งพบว่าการเอาผักไปยัดๆทำไส้มากินี่แหละง่ายที่สุดแล้ว
ข้าวปั้นหน้ายำสาหร่าย
ข้าวปั้นหน้ายำสาหร่าย!
พอลดเนื้อกินผักแล้วมันก็ไม่ไปกินปลาแล้ว พอไม่กินซูชิปลาก็เลยเหลือไม่กี่อย่างให้กิน ยิ่งคนไม่กินไข่ด้วยแล้วก็จะเหลือน้อยลงไปทุกที
แต่การเหลือของให้กินน้อยนั้นอาจจะไม่ได้สร้างทุกข์เสมอไป เมื่อไม่ได้อยากกินก็เลยไม่ต้องไปกินให้มันลำบาก
รูปบนคือข้าวปั้นหน้ายำสาหร่ายจากร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง 2 ชิ้น 60 บาท
รูปด้านล่างมาจากศูนย์อาหารชิ้นละ 5 บาท
….ลองซื้อจากศูนย์อาหารมากิน แล้วนึกไปถึงรสชาติตอนที่กินที่ร้านอาหาร จึงจำได้ว่าไม่ต่างกันเท่าไรนัก…
เมื่อเราลดเนื้อกินผักมาได้สักระยะหนึ่ง และเมื่อพัฒนาการลด ละ เลิกสิ่งที่ฟุ่มเฟือยไปเรื่อยๆจะพบว่าเราจะที่จะไม่ไฝ่หาของอร่อยกิน ไม่ตามหาร้านอร่อย ไม่สนใจของดีของอร่อยทั้งหลาย และจะลดชนิดของอาหารลงไปเรื่อยๆ
เพราะสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นกินอะไรก็อิ่มเหมือนกันหมดละนะ ก็เลยเลือกแต่สิ่งที่มีคุณค่า ประหยัด ไม่มีโทษ หาได้ง่าย เป็นหลักนั่นเอง
ึความคิดเห็นล่าสุด