Tag: ประสบการณ์กินมังสวิรัติ

ประสบการณ์การกินมังสวิรัติในร้านสุกี้ และการเปลี่ยนแปลงจากสุกี้เนื้อสัตว์มาสู่สุกี้มังสวิรัติ

July 4, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 5,475 views 0

mk suki มังสวิรัติ - กินมังสวิรัติ ร้านสุกี้

การกินมังสวิรัติในร้านสุกี้ ถือเป็นด่านที่ค่อนข้างง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่หัดกินมังสวิรัติใหม่ๆ หากมีเพื่อนหรือครอบครัวนัดกันไปกินสุกี้ เราก็สบายใจได้เลยว่ามื้อนี้จะรอดไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เราจะมาลองแชร์ประสบการณ์กินมังสวิรัติในร้านสุกี้กัน

ไปครั้งนี้สั่งไม่เยอะ ไม่หลากหลายเท่าไรนัก เพราะไปกับพ่อสองคน ร้านสุกี้มักจะเป็นร้านที่เรานั่งกินกันตามประสาพ่อลูกเป็นประจำ กินกันมาตั้งแต่ยังไม่กินมังสวิรัติจนตอนนี้เปลี่ยนมากินมังสวิรัติ …ก็จะขอแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการสั่งอาหารไว้ในบทความนี้ด้วย

mk suki มังสวิรัติ - กินมังสวิรัติ ร้านสุกี้

เมื่อมาถึงร้านสุกี้ เราก็มักจะเปิดเมนูสั่งผักกันก่อน ถ้าเราไม่คิดมากก็กินแต่ผักก็ได้ มีผักให้เลือกมากมายหลายหน้าตา มีรสชาติและรสสัมผัสต่างกันไป เราสามารถสั่งผักแยกตามที่ชอบกิน หรือจะสั่งเป็นชุดรวมก็ได้หากมาเป็นกลุ่มใหญ่ ขึ้นชื่อว่าผักมาเท่าไหร่เราก็กินเรียบ

วิธีการกินผักให้มีความสุข คือ เราควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับผักแต่ละชนิดว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง มีวิตามิน มีคุณค่าทางอาหารแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการรู้ประโยชน์นั้นจะทำให้เรากินผักอย่างมีความสุข เพราะรู้ถึงคุณค่าในผักแต่ละชนิดที่กิน และยังสามารถรู้ไว้ประเมินธาตุอาหารที่จะได้รับได้อีกด้วย เมนูผักที่สั่งเป็นประจำก็จะมี ผักบุ้ง ผักกาดขาว สาหร่ายวากาเมะ ส่วนรูปทางขวาบน คือ ปวยเล้ง ไม่ได้สั่งประจำสักเท่าไรนัก

ด้านขวาล่างคือ คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย ชาวมังสวิรัติอาจจะคิดไปว่า เอ๊ะ! จานนี้มีน้ำมันหอยนี่นา …อย่าเพิ่งใจร้อนตัดสินกันไป เพราะกว่าจะมาถึงจานนี้มันมีที่มาที่ไป ลองมาอ่านกันเลย….

แต่ก่อนเวลากินกับพ่อจะสั่งเป็ดย่างเป็นประจำ แต่เมื่อเราหันมากินมังสวิรัติ ในช่วงแรกนั้นก็ยังสั่งเป็ดย่างมากิน แต่กินโดยที่ใจไม่ได้อยากกิน ไม่อร่อยแล้ว กินเป็นเพื่อนพ่อไป ต่อมาตั้งใจ ละเว้นเด็ดขาด แม้สั่งเป็ดย่างมาแต่ก็ไม่กิน สั่งเพื่อให้พ่อกินคนเดียว สุดท้ายก็ไม่หมด และเราก็ไม่ได้ช่วยกิน ปล่อยมันเหลือไว้อย่างนั้น จนพ่อบอกว่าครั้งหน้าไม่ต้องสั่งก็ได้ เราก็เลยเสนอว่า “ ครั้งหน้าเอาเป็น คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย ดีไหม?” เพราะว่าเรามักจะกินเป็ดย่างกับบะหมี่หยกกันเป็นประจำ ถ้ามันขาดไปคงจะเหงาไปหน่อย ซึ่งในตอนนี้ คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย เลยเป็นตัวแทนเป็ดย่างนั่นเอง เข้าสูตรการลด การกินเนื้อสัตว์แล้ว ส่วนจะพัฒนาไปอย่างไร ก็รอดูกันต่อไป

ถ้าเราสามารถละเว้นเนื้อสัตว์ได้สมบูรณ์แล้ว เราอาจจะอนุโลมเป็นกรณีไป ซึ่งต้องประมาณให้เกิดกุศล อย่าบ่อยจนเกินไป อย่างกรณีนี้เป็นคนในครอบครัว ซึ่งเราก็ไม่เคยไปบอกให้เขาหันมากินมังสวิรัติเหมือนเรานะ แค่ทำให้ดู กินให้ดู ไม่หันกลับไปอยากกินเนื้อสัตว์ ไม่ทำตัวไม่มั่นคง ให้เขาไขว้เขวว่ามังสวิรัติดีจริงรึเปล่า? ให้เขาสับสนว่าเลิกกินเนื้อสัตว์แล้วมีความสุขจริงหรือ? เราจะพูดแต่เรื่องดีๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ได้จากการกินมังสวิรัติ โดยไม่ต้องไปกดดัน บีบคั้น หรือไปบอกว่าคนกินเนื้อสัตว์เบียดเบียนอย่างไรให้เขาลำบากใจ

เชื่อไหมว่าเดี๋ยวเขาก็ตามมากินแบบเราเองนั่นแหละ อย่างน้อยเขาก็เห็นดีเห็นควรตามเรา แม้ว่าเขาจะสามารถกินมังสวิรัติได้เฉพาะเวลาร่วมโต๊ะกับเราก็ตาม แต่นั่นหมายถึงเราเปิดประตูและเชิญเขา เข้ามาสู่ชีวิตมังสวิรัติได้บ้างแล้ว เป็นกุศลมากพอแล้ว เพราะเรามีโอกาสจะสร้างชาวมังสวิรัติเพิ่มอีกหนึ่งคน ในทางกลับกันถ้าเราไปกดดัน บีบคั้น รังเกียจคนกินเนื้อสัตว์ อาจจะเผลอไปพูดทำร้ายจิตใจเขา จนเสียโอกาสที่จะเพิ่มชาวมังสวิรัติไปอีกคนหรือหลายคนเลยก็ได้ เพราะจริงๆแล้วคนเราติดยึดไม่เท่ากัน กว่าเราจะออกจากการเบียดเบียน กว่าจะเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ก็ใช้เวลากันนานพอสมควร …ดังนั้นการที่คนอื่นจะติดยึดในการกินเนื้อสัตว์ จะใช้เวลานานกว่าจะรู้ถึงผลเสีย จนถึงเนิ่นนานไปอีกกว่าจะเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก

mk suki มังสวิรัติ - กินมังสวิรัติ ร้านสุกี้

มาต่อกันที่เมนูสุกี้มังสวิรัติ เราจะเพิ่มโปรตีนกันด้วยเต้าหู้ มีเต้าหู้มากมายให้เลือกสั่ง ที่ร้านสุกี้มักจะมีให้เลือกระหว่างเต้าหู้ไข่ กับเต้าหู้ธรรมดา ซึ่งน่าจะทำจากถั่วเป็นหลัก ใครอยากลองลดไข่ก็เริ่มจากสั่งเต้าหู้ถั่วเขียวไปก็ได้ เพราะกินไปก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก

ต่อกันที่เมนูเห็ด เลือกเห็ดมาสามชนิด คือ เห็ดฟาง เห็ดชิเมจิดำ เห็ดชิเมจิขาว คิดอะไรไม่ออกก็สั่งเห็ดนี่แหละ รวมๆแล้วแค่สั่งสามอย่างคือ ผัก เต้าหู้ เห็ด ให้หลากหลาย ก็มีของให้กินเต็มหม้อสุกี้แล้ว ไม่ต้องกลัวเลยว่าชาวมังสวิรัติจะต้องลำบากในร้านสุกี้ แม้ว่าเพื่อนๆ หรือผู้ร่วมโต๊ะจะกินเนื้อ เราก็กินมังสวิรัติของเราไปได้อย่างสบายใจ เพราะจิตใจเราไม่ได้อยากกินเนื้อ และไม่ได้รังเกียจคนที่กินเนื้อ เพราะเข้าใจดีว่าการเลิกกินเนื้อนั้นยาก ต้องใช้เวลา เราเข้าใจและเห็นใจ พร้อมทั้งยังให้อภัยที่พวกเขากินเนื้ออันมีส่วนในการเบียดเบียน และสุดท้ายเรานี่แหละคือตัวอย่างที่จะทำให้เขาเห็นว่ากินมังสวิรัติแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร

mk suki มังสวิรัติ - กินมังสวิรัติ ร้านสุกี้

มาถึงสุดท้าย คือ แป้ง เป็นธาตุอาหารที่ขาดไม่ได้ของชาวมังสวิรัติ ตั้งแต่กินมังสวิรัติมา ไม่เคยลดแป้งเลย ไม่เคยงดข้าว ไม่เคยกินสลัดแทนข้าว (ยกเว้นว่าไปร้านสลัด) ข้าวนี่แหละจะทำให้เรามีแรง มีกำลัง ดังนั้นมากินสุกี้เราจึงสั่ง ข้าวสวย มาด้วยหนึ่งถ้วย เท่านั้นยังไม่พอ เรายังสั่ง เส้นอุด้ง มาด้วย เพื่อความหลากหลายในหม้อสุกี้ และที่ยังขาดไม่ได้คือ บะหมี่หยกราดน้ำเป็ด

อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ เรากำลังจะปรับสู่ การลด ละ เลิก ในระดับสังคม ดังนั้นการเอื้อให้ผู้อื่นบ้าง ให้เขาได้ทดลองกินมังสวิรัติด้วยความรู้สึกไม่ลำบากจนเกินไป เป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าเราไปบีบคั้น ด้วยข้อมูลมากมายว่ายังเหลือการเบียดเบียน กินเนื้อสัตว์ไม่ดี ฯลฯ อาจจะเรียกได้ว่าตึงจนเกินไป ซึ่งจริงๆแล้ว เราควรจะตึง หรือเคร่งกับตัวเองเท่านั้น และให้หย่อนกับคนอื่น ให้เมตตากับคนอื่นมากๆ มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ที่เขาจะไม่รู้ทุกข์ โทษ ภัย ผลเสียจากการเบียดเบียน เรามีหน้าที่เพียงแค่บอกข้อมูลด้วยเมตตา บอกไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ บอกเนื้อหาให้เหมาะกับเขา พอที่เขาจะรับได้ เข้าใจได้ ไม่ลำบากใจจนเกินไปเขารับได้ เขาสนใจก็ยินดีกับเขา เขาไม่รับไม่สนใจ เราก็วางใจ ปล่อยวางไป

วิธีการเพิ่มชาวมังสวิรัติก็ไม่ได้ยากอะไร แค่ทำตัวเองให้มั่นคงกับการกินมังสวิรัติ ไม่ย่อหย่อน หาข้ออ้างมากมายเพื่อที่จะได้กินเนื้อสัตว์อย่างสบายใจ ตัดเนื้อสัตว์ให้เด็ดขาด อย่าให้หลงเหลือแม้ความอยากในจิตใจ ให้เขาได้สงสัยในความตั้งใจของเรา ให้เขาเห็นสิ่งดีที่เกิดขึ้นจริงๆด้วยตัวเขาเอง ถ้าเราเชื่อในสัจจะว่าการไม่เบียดเบียนนำสุขมาให้ วันหนึ่งสิ่งนั้นจะแสดงผลของมันเอง และเมื่อเขาเห็นผล เข้าใจเหตุที่มาว่าทำไมจึงเกิดผลขึ้น ถึงวันนั้นเขาสนใจ เขาก็จะมากินมังสวิรัติตามเราเอง

ประสบการณ์กินมังสวิรัติ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น และการตอบคำถามเรื่องมังสวิรัติกับสังคม

July 2, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,871 views 0

ประสบการณ์กินมังสวิรัติ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น และการตอบคำถามเรื่องมังสวิรัติกับสังคม

วันก่อนมีนัดรวมญาติ เขาก็นัดเลี้ยงกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ชาวมังสวิรัติอย่างเราก็ไปด้วย เพราะการเข้าสังคมเป็นเรื่องสำคัญแต่การปรับตัวอยู่ในสังคมให้เกือบจะกลมกลืนสำคัญกว่า สำหรับครั้งนี้ พอจะมีเมนูในใจจากที่เคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง

ไปถึงร้านก่อนญาติสักหน่อย จองโต๊ะไว้ก่อน ใช้เวลาสำรวจเมนูอาหารสักพัก เวลาสั่งจะได้คล่อง ทบทวนให้ดีว่าจะกินอะไร เท่าไหร่ ถึงจะอิ่มพอดี ไม่หิวโหย ไม่ลำบากตัวเองจนต้องไปหากินเพิ่ม หรือกินอิ่มเกินไปจนเดินไม่ได้

เมนูแรกๆที่สั่งเลยคือหน่อไม้ฝรั่งผัด เมนูแบบบ้านๆ ใครคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร ก็สั่งมากินก็ได้ ไม่ต่างกับผัดกินเองที่บ้านเท่าไหร่ ส่วนข้าว กับเครื่องเคียงนั้น ให้น้องที่สั่งอาหารอื่นๆที่สามารถรับเพิ่มเป็นชุด เอาชุดเครื่องเคียงมาด้วย ก็จะมีข้าว เต้าหู้ ซุปมิโซะ กิมจิ อะไรอีกสักอย่างสองอย่างนี่แหละ ของพวกนี้กินได้และทำให้อิ่มได้ด้วย

พอเริ่มมีคนมา มีคนช่วยกิน เราก็จะสั่งเพิ่ม ให้ญาติๆได้ลองชิมกันดูด้วย เมนูซ้ายบน คือ สเต็กเต้าหู้ กินง่ายราคาไม่แพงจำได้ว่าไม่ถึงร้อย มีเต้าหู้ เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง และต้นหอมหั่นโรยพองาม

ด้านขวาบนเป็น เต้าหู้ห่อข้าว (อินาริซูชิ) ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะมีขาย เมนูนี้เอาไว้เวลาหิวๆ อัดข้าวเข้าไป อิ่มไวดี จิ้มโชยุกับวาซาบิ ได้ตามที่ชอบ

ซ้ายล่างจะเป็นสลัดเห็ด มีเห็ดประมาณ 3 ชนิด กับผักสลัด เอามากินรองท้อง หรือเพื่อเพิ่มผักในมื้อนั้นๆ ก็ดีเหมือนกัน ในกรณีที่เราสั่งกินแต่ข้าว แล้วเกรงว่าจะมีแต่คาร์โบไฮเดรต จานนี้ก็อร่อย กินง่าย จะสลัดใส่อะไรก็เหมือนๆกัน ทุกอย่างจะถูกกลบด้วยรสของน้ำสลัดหมดเลยจานนี้น่าจะแพงสุดในเมนูมังสวิรัติที่สั่งมาในรอบนี้ ราวๆ ร้อยห้าสิบบาท

ขวาล่างจะเป็น ไข่หวานย่าง สำหรับคนที่ยังกินไข่อยู่ เมนูนี้เป็นอะไรที่กินง่าย หลายๆคนชอบ เพราะหวาน… กินกับข้าวก็ได้ กินเล่นก็ได้ ไม่แพงอีกเหมือนกัน เมนูเกี่ยวกับไข่หวานยังมีอีก เช่น ข้าวปั้นหน้าไข่หวาน

ด้านซ้ายบน เป็นยำสาหร่าย ใครชอบก็สามารถสั่งมาเป็นถ้วยๆ ราคาพอๆกับสเต็กเต้าหู้เลย แต่ถ้าชอบรูปแบบซูชิ ก็สามารถสั่ง ข้าวปั้นหน้ายำสาหร่าย แบบในรูปด้านขวาบนได้ มีขิงดองเป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยนได้เหมือนกัน สองคำก็ประมาณเกือบครึ่งร้อย

ถ้าเราไม่อยากกินข้าว หรือเบื่อข้าวปั้น เราก็สามารถเปลี่ยนมากินโซบะได้ อย่างในรูปด้านซ้ายล่างจะเป็นโซบะเย็น ที่เอาเส้นไปจุ่มน้ำซอสที่ผสมไปด้วย ต้นหอม วาซาบิ และใครชอบไข่นกกระทาก็ใส่ไปด้วยได้ เมนูนี้จำได้ว่า 100 บาท ถ้าสั่งมากินเดี่ยวๆก็ง่ายดี นั่งคุยกันไป กินโซบะไป เพลินกันไป

ส่วนขวาล่างนั้นคือเรือที่เต็มไปด้วยปลาดิบ อันนี้เอามาให้ศึกษากันว่า เราจะทำอย่างไรให้กลมกลืน ให้คนอื่นไม่ลำบากใจ ในกรณีที่ได้สังเกตและทดลอง เราสามารถกินยำสาหร่ายได้ กินหัวไชเท้าและแครอทฝอยๆได้ กินผักประดับได้ รสชาติจะคล้ายๆ สะระแหน่  เราสามารถมีส่วนร่วมไปได้โดยไม่ต้องไปกินแบบเขา แค่เรากินแบบของเราไปก็พอ

เมนูมังสวิรัติ ร้านอาหารญี่ปุ่น

4 เมนูด้านบนนี้ไปกินอีกที ที่ร้านเดิม แต่มีเมนูใหม่ ลำดับแรกด้านซ้ายบนคือ เส้นชิราตากิผัด  (80 บาท ) มีเส้นอารมณ์ประมาณเส้นบุก ผัดกับเห็ด และพริกหวาน ได้เยอะเหมือนกัน ราคาก็ไม่แพง

ขวาบนคือ ข้าวห่อสาหร่ายเต้าหู้ใส่ผัก ( 150 บาท ) แต่ละคำชิ้นใหญ่พอสมควร เป็นข้าวห่อสาหร่ายที่ชาวมังสวิรัติกินได้อย่างสบายใจเพราะมีแต่ผัก ราคาอาจจะสูงไปนิดเมื่อเทียบกับวัตถุดิบ แต่ถ้าคิดอะไรไม่ออกลองสั่งมากินเล่นก็ได้ น่าจะทำให้อิ่มได้เลย

ซ้ายล่าง คือ เห็ดออรินจิผัด ราวๆ 80-90 บาท จำไม่ได้ สั่งมากินขำๆได้ รู้สึกจะผัดน้ำมันหอย ก็แล้วแต่ใครจะพิจารณา แต่เมนูเห็ดแบบนี้ผัดกินเองที่บ้านก็อร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว มานอกสถานที่เราก็มาลองของเขาบ้าง

ขวาล่าง คือ เต้าหู้ผัดเห็ด ( 110 บาท ) เป็นเต้าหู้อ่อน ที่เอาไปทอด? จนผิวแข็งๆ ทำให้กรอบพอดี ผัดกับเห็ดสองถึงสามชนิด ไม่แน่ใจ ใส่พริกหวานด้วย รสไม่จัดนัก กินกับข้าวน่าจะดี

มีเมนูอาหารที่ชาวมังสวิรัติสามารถกินได้ ที่ไม่ได้สั่งมาอีกเหมือนกัน เช่นพวก ชาบูเห็ด เทมปุระผัก ฯลฯ ใครมีโอกาสก็ลองกันได้…

การตอบคำถามเรื่องมังสวิรัติกับสังคม

ชาวมังสวิรัติต้องหัดมองประโยชน์ของสิ่งต่างๆให้เห็น หาทางออกของสถานการณ์ต่างๆให้ได้ เมื่อพบปะผู้คนที่หลากหลาย จะมีคำถามมากมายว่าทำไมเราถึงกินมังสวิรัติ,จะขาดสารอาหารไหม,จะแข็งแรงไหม,จะมีแรงทำงานไหม ฯลฯ คำตอบของเราสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนคนที่กินมังสวิรัติได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกพูดสิ่งไหน

ถ้าเราเลือกจะพูดในสิ่งดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ ขยายความในส่วนที่เขาสงสัย ให้เหมาะกับพื้นฐานความรู้ของเขา เขาก็อาจจะเห็นข้อดีของการกินมังสวิรัติ หรือจนกระทั่งสนใจมากินมังสวิรัติกับเราเลยก็ได้

แต่ถ้าเราเลือกพูดในเชิงไม่ดี การพูดข่มคนที่ยังกินเนื้อสัตว์ การที่เรายังติดว่าต้องทำดี เรายังมีอัตตา ยังไม่เข้าใจว่าจริงๆ เขาเหล่านั้นยังไม่ได้รู้ทุกข์ โทษ ภัย ของการเบียดเบียน เขาไม่รู้ผลเสียของการมีกิเลสนี้ว่าเป็นอย่างไร เราก็อาจจะรีบไปยัดความรู้ บีบคั้น กดดัน พยายามให้เขาหันมา เห็นดี เห็นควร หรือมากินมังสวิรัติกับเรา ทั้งๆที่เขายังไม่มีความสนใจ ความรู้ ความเข้าใจ และยังไม่เต็มใจที่จะทดลองกินมังสวิรัติ  ถ้าเรายังฝืนพูดไป ก็อาจจะทำให้คนที่ฟังเข็ดขยาดกับมังสวิรัติก็ได้ เพราะฟังทีไรก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชั่ว

จริงอยู่ที่ว่าการกินเนื้อสัตว์นั้นเป็นสิ่งไม่ดี แต่คนเราก็มักจะยอมรับมันไม่ได้ เพราะกิเลสนั้นหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเหล่านั้นไปแล้ว การจะไปบอกว่ามันไม่ดี ไปดึงเขาออกมาทันทีนั้น ไม่สามารถที่จะทำได้ เราต้องค่อยๆทยอยให้ข้อมูล ที่ย่อย บด ละเอียด คัดสรร อย่างดีแล้วให้กับเขา เหมือนการป้อนอาหารให้เด็กอ่อน ก็ต้องบดเอาสิ่งที่มีคุณค่าพร้อมทั้งทำให้กินง่ายรวมไปในเวลาเดียวกันป้อนให้กับเขาแล้ววันหนึ่งที่เขาเห็นคุณค่าของการกินมังสวิรัติอย่างเต็มที่ เขาจะสนใจที่จะหันมากินเอง

การพูดของเราสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีงามได้มากมาย ในขณะเดียวกันก็สามารถทำลายสิ่งที่งดงามลงไปได้ในพริบตา การพิจารณาเลือกพูดสิ่งใด เลือกใช้ความรู้ใดๆ มาพูดจำเป็นต้องมีสติและปัญญาเป็นแก่นและสอดร้อยไปด้วยเมตตาในทุกๆคำพูดของเรา