Tag: มังสวิรัติ
ข้าวซอยมังสวิรัติ
ข้าวซอยมังสวิรัติ : ชามนี้ 20 บาท กินที่ชมรมมังสวิรัติ รสชาติก็จัดจ้านดี ที่เห็นนี่เป็นโปรตีนเกษตรนะ ทำออกมาหน้าตาน่ากินใช้ได้เลยทีเดียว
กินเจแล้วดี กินทั้งปี กินทั้งชาติไปเลย
กินเจแล้วดี กินทั้งปี กินทั้งชาติไปเลย
และแล้วก็วนมาถึงเทศกาลกินเจกันอีกครั้ง ในหนึ่งปีก็จะมีโอกาสเพียงช่วงสั้นๆที่จะได้มีโอกาสถือศีลกินเจ คนที่คิดจะลดเนื้อกินผัก คิดจะกินมังสวิรัติก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการหากินอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ได้ง่ายขึ้น แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถที่จะกินเจต่อไปได้มากกว่ากรอบของเทศกาล มากกว่าประเพณีนิยม มากกว่าที่เคยทำมา คือกินเจต่อไปอีกเดือน อีกไตรมาส อีกปี หรือกินไปเรื่อยๆทั้งชีวิตเลย
ขึ้นชื่อว่าถือศีลกินเจ นั้นก็เป็นเรื่องดี แต่ทำไมคนเราถึงต้องกำหนดช่วงเวลาที่จะทำดีไว้เพียงครู่เดียว หนึ่งปีกินเจไม่กี่วัน แต่วันที่เหลืออื่นๆเรากลับกินเนื้อสัตว์ จะว่าไปมันก็ดี แต่จะว่าดีมันก็ไม่ดีเสียทีเดียว เพราะดีที่ยังไม่ดีพร้อม ก็ถือว่ายังไม่ดีอยู่ดีนั่นเอง
ในช่วงเทศกาลกินเจ นอกจากจะมีการกินอาหารที่ละเว้นเนื้อสัตว์ ของฉุน ของมึนเมา ก็ยังมีการถือศีล นุ่งขาวห่มขาว เข้าวัด สวดมนต์ ฯลฯ อีกด้วย ซึ่งถ้าเราไม่ได้สนใจในประเพณีนิยมมากนัก ก็อาจจะเลือกปฏิบัติเฉพาะในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับเรามากที่สุด
เช่น ในช่วงเทศกาลกินเจนี้ ก็จะมีอาหารเจขายกันทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่กำลังคิดจะลดเนื้อกินผัก ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เริ่มลดเนื้อกินผัก หรือกินได้ในช่วงเวลาที่ยาวนานขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่จะสามารถหาอาหารที่เหมาะสมได้ง่าย ซึ่งเหมาะกับมือใหม่หัดลดเนื้อกินผัก ที่ต้องการเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ฝึกฝนตัวเองในช่วงนี้
ในช่วงนี้ แม้ว่าจะไปสั่งอาหารที่ร้านไหน ก็จะเข้าใจกันได้ง่าย เพียงแค่บอกว่าเรากินเจ ก็จะรู้กันในหมู่ร้านอาหาร บ้างก็ยินดีต้อนรับ บ้างก็ไม่รับทำอาหารเจ ก็ต้องเลือกดูว่าร้านไหนเขายินดี ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถเข้าไปสั่งได้ทุกร้านนะ
กินเจ กับ ตรุษจีน
ยังคงเป็นประเด็นกับประเพณีนิยมของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สร้างความสับสนในสังคมว่า ที่ทำในเทศกาลตรุษจีนมันดีจริงหรือ เทศกาลหนึ่งก็ละเว้นเนื้อสัตว์ อีกเทศกาลก็ฆ่าสัตว์ ซื้อสัตว์ตายมาบูชาเทพเจ้าบรรพบุรุษผีสางเทวดานางไม้ ฯลฯ สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้คนหมู่มากที่ไม่ได้เข้าใจข้อปฏิบัติและประเพณีนิยมเหล่านั้น
ในเมื่อการถือศีลกินเจละเว้นชีวิตสัตว์มันดี แล้วทำไมถึงยังสนับสนุนในการบูชาด้วยสัตว์ตายอยู่ ถ้าจะไปถามก็มักจะได้คำตอบประมาณว่าเป็นประเพณีเขาปฏิบัติตามกันมา เขาว่าดี คนเขาถือ ฯลฯ
ในเมื่อการละเว้นชีวิตสัตว์นั้นดี เข้าใจว่าเป็นการทำบุญบูชา แล้วทำไมเทศกาลตรุษจีนกลับทำบาปบูชาด้วยชีวิตสัตว์อยู่อีก ตกลงว่าอย่างไหนดี อย่างไหนเป็นกุศลกันแน่ ละเว้นชีวิตสัตว์ หรือฆ่าสัตว์
ผู้มัวเมาในสิ่งลวงมักจะแยกกุศล อกุศลไม่ออก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นดอกบัวเป็นกงจักร ทำโดยที่ไม่มีปัญญาพิจารณาว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว ไม่พิจารณาไปถึงแก่นสารสาระที่แท้ของกิจกรรมที่ทำ ไม่รู้บุญ ไม่รู้บาป รู้แค่เขาทำมา ก็ทำตามเขาไป หลงมัวเมาในประเพณีนิยม หลงในโลกธรรม หลงยึดเป็นอัตตา
จริงอยู่ว่าตรุษจีนนั้นเป็นเทศกาลสากลของชาวจีนทั่วโลกทำมาอย่างยาวนาน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คนหมู่มากทำนั้นจะดีเสมอไป การฆ่าสัตว์การเบียดเบียนสัตว์เป็นสิ่งไม่ดีอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลใดมีน้ำหนักพอที่จะทำให้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีเลย ดังจะเห็นได้ว่ามีลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนยุคใหม่บางส่วน เริ่มจะใช้ผักผลไม้บูชาในวันเทศกาลตรุษจีนบ้างแล้ว แม้ว่าเขาจะยังหลงไปตามประเพณีนิยม แต่ก็ยังสามารถลดการเบียดเบียนลงได้ ทั้งยังไม่เป็นที่ครหาของคนหมู่มาก
เราหลงผิดกันมานานนับพันปีแล้ว ทำบาปบูชาหวังจะได้บุญ ได้กุศล ได้สิ่งดี เป็นความยินดีบนชีวิต บนกองเลือด บนความทรมาน บนความเจ็บปวด บนความเศร้าหมอง สิ่งนั้นดีจริงอย่างนั้นหรือ บรรพบุรุษจะยินดีที่เราทำบาปจริงหรือ ถ้าเราไปทำร้ายสัตว์ ไปทุบตีสัตว์พ่อแม่ยังดุด่าว่าเราใจอำมหิตเลยใช่ไหม ทีนี้เราไปส่งเสริมการฆ่าสัตว์ ไปซื้อสัตว์ตายมาบูชาท่าน เราหวังจริงๆหรือว่าท่านจะยินดีต่อสิ่งนั้น
การกินเจของชาวไทยเชื้อสายจีนนี่แหละ ที่จะสามารถเปลี่ยนโลกได้ เปลี่ยนโลกที่เบียดเบียนกันและกันมาเป็นโลกที่เมตตาต่อกัน แม้ว่าการกินเจจะมีอยู่แค่ในกลุ่มคนไทย แต่สิ่งนั้นเกิดเพราะคนไทยเรามีจิตใจที่เมตตา มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องอาศัย เทศกาลละเว้นชีวิตสัตว์ถือศีลจึงได้เกิดขึ้นมา
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคนที่จะล้างบาปของบรรพบุรุษ ชี้นำกุศล ทำลายอกุศล สลายม่านหมอกแห่งความมัวเมาในประเพณีที่ไม่รู้ว่าบุญบาปอยู่ตรงไหน กุศลอกุศลเป็นอย่างไร ให้เกิดความชัดเจนว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนชั่ว ด้วยการปฏิบัติที่ตัวเอง เริ่มจากตัวเอง กินเจต่อเนื่องให้ได้ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีไปจนตลอดชีวิต
เพราะเมื่อสิ่งนั้นดี เหล่าคนผู้มีปัญญาย่อมยึดอาศัยสิ่งที่ดีเพื่อให้เกิดสิ่งดี เกิดความสุข เกิดความเจริญในชีวิต และละเว้นสิ่งที่ชั่ว เว้นขาดจากการเบียดเบียน ที่จะนำมาซึ่งบาป อกุศล ทุกข์ โทษ ภัย ผลเสีย ต่อชีวิต
ประสบการณ์ลดเนื้อกินผัก มังสวิรัตินอกบ้านในร้านอาหารครอบครัว
ประสบการณ์ลดเนื้อกินผัก มังสวิรัตินอกบ้านในร้านอาหารครอบครัว
มีโอกาสได้กินนอกบ้านเนื่องจากวันรวมญาติ การที่ชาวมังสวิรัติจะต้องมากินในสถานที่ต่างถิ่นก็มักจะมาจากเหตุปัจจัยด้านสังคมเป็นส่วนประกอบหนึ่ง เมื่อเราออกจากที่มั่นของเราแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเลิกการลดเนื้อกินผักตามวิถีของเราไปด้วย เรายังไม่จำเป็นต้องอนุโลมหรือกินเนื้อสัตว์ไปกับเขาถ้าเรายังพอมีทางเลือก
ทางเลือกหรือทางรอดนั้นเราจำเป็นต้องศึกษาและไขว่คว้ามาเอง การศึกษาในกรณีนี้คือ รู้ว่าจะต้องไปกินที่ไหน ร้านนั้นเขามีอะไรขายบ้าง มีเมนูอะไรที่เราพอจะกินได้บ้าง ส่วนการไขว่คว้านั้นจะใช้เมื่อเข้าสู่ภาวะหาอะไรกินยากลำบาก อาจจะต้องไปถามไปยังร้านว่าพอจะทำเมนูที่เราต้องการให้ได้หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ทางร้านก็สามารถที่จะทำได้ ถ้าเราไม่ไปร้านอาหารที่เฉพาะเจาะจง ที่เน้นไปทางขายเนื้อสัตว์มากไปนัก
ร้านนี้มีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง ถ้าเอาแบบง่ายๆ ไม่คิดมาก ไม่ลำบากมาก สั่งง่าย กินง่าย อิ่มง่าย ก็สามารถสั่งผัดผักมากินกับข้าวได้ ถือว่าผ่านไปง่ายๆ สำหรับการกินมังสวิรัติในงานเลี้ยงรวมญาติครั้งนี้
แต่ถ้ามื้อนี้ผู้มีอุปการคุณยินดีที่จะเลี้ยงอาหารเรา แล้วบอกว่าให้เรากินเต็มที่ เราก็ควรจะ …..กินเท่าที่เราเคยกินนั่นแหละ คือสั่งผัดผักกับข้าวมากินก็ได้ … แต่ด้วยผู้เขียนคิดว่าถ้ากินแบบนั้นมันก็เหมือนกินที่บ้าน มากินในวันรวมญาติทั้งทีเดี๋ยวจะไม่มีอะไรเอามาแบ่งปันให้อ่านกันก็เลยจัดมาหลายเมนู…
เมนูแรก ปอเปี๊ยะทอดไส้ผัก อันนี้น้าสั่งมาไว้ให้ เพราะเห็นว่าเรากินมังสวิรัติ …เห็นไหมว่า เมื่อเราได้ประกาศบอกคนในครอบครัวไปแล้วว่าเรากินมังสวิรัติ จากที่เราเคยหาเมนูคนเดียวก็มีคนมาช่วยดูว่าเราจะกินอะไรได้บ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กินกับเราก็ตาม
ปอเปี๊ยะทอดไส้ผักนี่ก็ไม่มีอะไรมาก มีแป้งห่อ ผัก คือวุ้นเส้น เห็ด แครอท น่าจะประมาณนี้ จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่คนกินมังสวิรัติก็สบายใจได้เพราะยังไงก็มีแต่ผัก เราอาจจะสั่งมาคู่กับผัดผักอีกสักเมนู ข้าวด้วยอีกจาน ก็ถือว่าพอดี พออิ่ม และดูไม่น้อยจนเหมือนหาอะไรกินลำบากมากเกินไป จนพลอยทำให้คนอื่นกังวลใจกับการกินของเรา
แต่พอดีว่าไม่ได้สั่งผัดผักมากินกับข้าว ก็เลยสั่ง ซีซาร์สลัด ปกติซีซาร์สลัดนี่เขาใส่เนื้อสัตว์จำพวกเบคอนรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่พอดีไปบอกกับทางร้านก่อนที่จะสั่งว่า “เราไม่กินเนื้อสัตว์ ช่วยแนะนำเมนูให้หน่อยได้ไหม” ทางร้านแนะนำสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ และเราก็ได้สั่งเมนูนี้มาเพิ่ม ประมาณว่าอยากกินผัก ก็กินกันง่ายๆ รสชาติมาตรฐาน กินผักไปก่อนที่ของหนักๆ จะมา ก็ดีนะย่อยง่าย
ผักโขมอบชีส เป็นเมนูที่สั่งต่อมา ใครที่ยังกินมังสวิรัติใหม่ๆ ก็สั่งมากินเล่นได้เลย ถือว่าเป็นเมนูเอาตัวรอดได้ดีประมาณหนึ่งเมื่ออยู่ในร้านอาหารฝรั่ง เพราะไปที่ไหนเขาก็มี ร้านพิซซ่าทั่วไปก็มี
ว่าแล้วก็มีถึงจานหลัก คือ สปาเก็ตตี้ ที่ไม่มีเนื้อสัตว์ จะเป็นซอสมะเขือเทศล้วนๆ ก็อร่อยดี อร่อยแบบมีคุณค่า ไม่ลำบากใจที่จะต้องสั่งเมนูที่มีเนื้อสัตว์ คิดว่าร้านอาหารฝรั่งส่วนใหญ่ก็น่าจะมีเมนูนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งราคาก็มักจะถูกที่สุดในบรรดาเมนูพาสต้าที่เรียงรายกันอยู่ ถูกและดีจริงๆ
ในระหว่างที่กินอยู่ ญาติๆ ก็จะทยอย จัดหรือแนะนำผักต่างๆมาให้ เป็นผักสลัดประดับจานบ้าง ผักต้มที่มากับเสต็กบ้าง เช่น มันบด บร็อคโคลี่ แครอท คงเพราะว่าเขาเห็นเรากินมังสวิรัติ เขาก็เห็นดีด้วยจึงมีเมตตากรุณาช่วยเหลือเรา อาจจะเพราะกลัวเราจะไม่อิ่มด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งเราก็ยินดีที่จะรับไว้ ยิ่งเป็นผักประดับจานที่เหลือๆ เราก็ยิ่งยินดี เพราะว่าจะได้ไม่เสียของ ยังไงเราก็กินอยู่แล้ว แม้จะไม่มีน้ำสลัดราด เราก็กินผักเปล่าๆ ด้วยความเคยชิน นั่นแหละนะ
เกือบจะอิ่มแล้ว แต่พอดีมีเมนูที่อยากลองกินดูอีกจานนั่นคือ ปอเปี๊ยะผักโขมชีส เป็นอีกเมนูหนึ่งที่สั่งมากินเล่นๆได้ดี ของทอดนี่รสชาติจะเปลี่ยนไปตามน้ำจิ้มเป็นส่วนใหญ่ ไส้ในเป็นองค์ประกอบย่อยๆ ที่ช่วยหนุนรสสัมผัสอีกทีหนึ่ง พระเอกจริงๆคือผิวกรอบๆของแป้งห่อนั่นเอง (กินทีไรมันก็เด่นสุดทุกที)
สรุปว่าหลังจากที่ทุกคนในครอบครัวรู้ว่าเรากินมังสวิรัติ ก็จะทำให้การดำเนินตามวิถีลดเนื้อกินผักของเรา เป็นไปได้อย่างสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ร้านอาหารที่มีอาหารขายหลากหลายแบบนี้ เช่น ร้านข้าวต้ม ภัตตาคาร ร้านอาหารทั่วๆไป สามารถหาเมนูมังสวิรัติกินได้ง่าย เพราะมีเมนูผักให้เลือกหลากหลาย ปรับเปลี่ยนได้ตามที่เราต้องการ จะเพิ่มผักลดเนื้ออย่างไรก็สามารถบอกเขาได้เลย
เนื้อสัตว์ พืชผัก ความรู้สึกหลังจากกินมังสวิรัติแล้ว
ความแตกต่างระหว่างกินเนื้อกับกินผัก
หลายๆคนที่หันมาลองกินมังสวิรัติคงจะรับรู้ด้วยตัวเองว่า เมื่อเราเปลี่ยนมากินมังสวิรัติการรับรู้ที่เคยมีก็เปลี่ยนไป ทั้งๆที่เนื้อสัตว์กับผักยังมีรสชาติและคุณค่าเหมือนอย่างที่มันเคยเป็นไม่เปลี่ยนแปลง แต่เป็นตัวเราเองที่เปลี่ยนไป เราจะมาแบ่งปันความความรู้สึกระหว่างการกินเนื้อสัตว์กับผักในสามช่วงเวลาคือ 1. ยังไม่กินมังสวิรัติ 2. กินมังสวิรัติได้เป็นประจำ 3.กินมังสวิรัติได้อย่างเป็นสุข… ลองมาอ่านกัน
1.เมื่อสมัยยังไม่กินมังสวิรัติ
ชาวมังสวิรัติส่วนใหญ่นั้นก็เคยเป็นผู้บริโภคเนื้อสัตว์กันมาทั้งนั้น สมัยยังกินเนื้อสัตว์อยู่ ก็รู้สึกว่ามันอร่อย เลือกหาร้านอาหารที่ขายเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย มีชื่อเสียง พืชผักนี่แทบจะไม่อยู่ในสายตา แม้จะอยู่ในจานก็ไม่เคยสนใจ เรามักจะกินเนื้อสัตว์ก่อนเสมอ ส่วนผักจะเหลือทิ้งไว้ก็ไม่มีใครใส่ใจ เนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีในทุกมื้ออาหาร ขาดไปเมื่อไหร่เหมือนชีวิตช่างดูอับจน ต้องมากินแต่ผัก ส่วนผักจะมีหรือไม่มีก็ได้เห็นคุณค่าเป็นเพียงแค่วิตามินส่วนเสริม ไม่ได้จำเป็นอะไรนัก มองไปยังคนที่กินมังสวิรัติว่า อยู่กันได้ยังไง ใช้ชีวิตมังสวิรัติกันไปได้อย่างไร กินเนื้อมีความสุขจะตาย จะเลิกกินไปทำไม
ในช่วงนี้เราจะลำเอียงไปทางเนื้อสัตว์ เพราะเราชอบ เราอยากกินเนื้อสัตว์ จากความเคยชิน รสอร่อยที่เราติดยึด กินเนื้อจะอร่อย กินผักก็เฉยๆ ก็แค่พืชผัก ในตอนนี้ เนื้อสัตว์จะเป็นพระเอก พืชผักจะเป็นตัวประกอบ
2. เมื่อเรียนรู้และสามารถกินมังสวิรัติได้เป็นประจำ
วันหนึ่งคนทั่วไปที่เคยหลงติด หลงเข้าใจไปว่าเนื้อสัตว์อร่อยมีคุณค่าจำเป็นต่อชีวิต ก็ได้รับความรู้ใหม่ คือโทษจากการกินเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ การเบียดเบียน กระทั่งเรื่องของกิเลสและกรรม หรือความรู้อื่นๆ ก็ทำให้เขาตัดสินใจ ลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ จนสามารถปฏิบัติได้อย่างดีเยี่ยม กินมังสวิรัติได้เป็นเวลานานและติดต่อกัน โดยไม่กลับไปแตะต้องเนื้อสัตว์เลย พบกับความสุขที่ไม่ต้องไปกินเนื้อสัตว์แล้ว มองไปยังคนที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่ว่า กินเนื้อสัตว์กันไปได้อย่างไร มันทั้งเบียดเบียน และทำให้เสียสุขภาพ ฯลฯ
ในช่วงการเปลี่ยนแปลงจากการกินเนื้อสัตว์มาสู่มังสวิรัตินี้ เราจะเริ่มลำเอียงไปทางพืชผัก น้ำหนักที่เคยเอียงไปทางด้านเนื้อสัตว์จะค่อยๆลดลงและพืชผักจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราชอบพืชผักด้วยที่มันมีประโยชน์ ไม่เบียดเบียน และเราเกลียดการกินเนื้อสัตว์ ไม่อยากกินเนื้อสัตว์ เพราะมันเบียดเบียนกินพืชผักจะอร่อย กินเนื้อสัตว์จะไม่อร่อย ในตอนนี้ พืชผักจะเป็นพระเอก เนื้อสัตว์จะเป็นผู้ร้าย
3. เมื่อเรากินมังสวิรัติได้อย่างเป็นสุข
เมื่อเรากินมังสวิรัติเป็นประจำ และสามารถลด ละ เลิก ความยึดดี ถือดี ถือตัวถือตน ความติดดีในการกินมังสวิรัติได้แล้ว เราก็จะสามารถมองเนื้อสัตว์และพืชผัก เป็นอย่างที่มันเป็นตามความเป็นจริง โดยไม่มีความลำเอียงไปในด้านรักเนื้อสัตว์ไม่สนพืชผัก หรือรักพืชผักเกลียดเนื้อสัตว์เพราะเข้าใจเหตุปัจจัยที่ส่งผลแก่กันและกัน ในคนที่ยังกินเนื้อสัตว์และสัตว์ที่ต้องตายไปเพื่อคนที่กินเนื้อสัตว์
เราจะเลือกกินแต่สิ่งที่มีคุณค่าแท้ต่อร่างกายและจิตใจ จะเข้าใจถึงโทษและประโยชน์โดยปราศจากความลำเอียง ความรักชอบ เกลียดชังใดๆ เป็นเสมือนตราชั่งที่ตั้งไว้เสมอกันไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แต่เมื่อวางเนื้อสัตว์กับผักลงไปในแต่ละฝั่งแล้ว ตราชั่งจะเอียงไปในด้านที่มีคุณค่าที่มากกว่า ซึ่งเป็นคุณค่าต่อตนเอง ต่อผู้อื่นหรือสัตว์อื่น ต่อสังคมและโลก
ในช่วงนี้เราไม่ได้ลำเอียงไปทางใดทางหนึ่ง เราเลือกกินสิ่งที่มีประโยชน์แท้ เราจึงกินอร่อยด้วยคุณค่า ไม่ใช่ด้วยความอยากหรือไม่อยาก ในตอนนี้ ผักจะเป็นตัวเลือกแรก และเนื้อสัตว์จะเป็นตัวเลือกสุดท้ายหรืออาจจะไม่ใช่ตัวเลือกเลยก็ได้ แล้วแต่ว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ เป็นกุศลสูงสุดในขณะนั้น
เมื่อกินมังสวิรัติอย่างมั่นคงมาได้แล้ว ทดลองกลับไปกินเนื้อ จะรู้สึกถึงความแตกต่างชัดเจนขึ้นโดยจะให้คุณค่าในทางมังสวิรัติมากกว่า เพราะการกินผัก จะทำให้ร่างกายเบา สบาย ย่อยง่าย ขับถ่ายง่าย ต่างจากตอนกินเนื้อ ซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัด แน่น ท้องตึง ย่อยยาก รวมถึงขับถ่ายยาก ผู้กินสามารถใช้ร่างกายของตัวเองเป็นห้องทดลองได้ เราจะได้รู้ข้อดีของการกินมังสวิรัติ และข้อเสียของการกินเนื้อสัตว์ด้วยร่างกายของเราเองโดยไม่มีความลำเอียงไปในด้านใดด้านหนึ่ง แต่รับรู้ด้วยร่างกายตามที่มันเป็นจริงๆ ไม่ใช่แค่ได้ยินได้ฟังเขามา
อ่านมาจนถึงตรงนี้ แล้วคุณล่ะ รู้สึกอย่างไรกับเนื้อสัตว์ รู้สึกอย่างไรกับผักหรือการกินมังสวิรัติ ? กินแล้วมีความสุขอยู่ไหม? เห็นคนกินเนื้อแล้วยังอยากกินกับเขาอยู่ไหม? หรือรู้สึกไม่ชอบ ยังชัง ยังรู้สึกไม่ดีที่เขายังกินเนื้อบ้างไหม? เลือกแบ่งปันประสบการณ์กันได้ตามสะดวกเลย
ึความคิดเห็นล่าสุด