Tag: สังคม
เกาเหลาผัก
เกาเหลาผัก : ชาวมังฯที่เริ่มหัดกิน เมื่อยังอยู่ในสังคมเดิมๆก็คงจะปรับตัวยาก ปรับตัวลำบาก เช่น เกิดเพื่อนๆเราชวนไปกินร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ
ใจเราก็ไม่ค่อยอยากกิน แต่ก็ไม่อยากขัดเพื่อน ทำตัวให้คนอื่นลำบาก ก็เลยไปกินกับเขาด้วย…
เราก็ต้องยอมลดความสมบูรณ์แบบลงมาบ้าง แต่ก็ดีกว่าที่จะต้องไปกินเนื้อเป็นชิ้นๆ เราก็สั่งเกาเหลาผักล้วนมาเลย สั่งอย่างมั่นใจ บอกพ่อค้าว่าเรากินแต่ผัก ถ้ามีน้ำใสให้เลือกจะเลือกน้ำใสก็ได้ หรือจะเลือกกินแห้งก็ได้
และถ้ากังวลว่าจะไม่อิ่ม ก็สั่งข้าวมาเพิ่ม หรือจะเป็นเส้นเล็กเส้นใหญ่ก็ได้เหมือนกัน
การกินร่วมโต๊ะเป็นเรื่องของสังคม ถ้าต้องพรากจากสังคม คือไม่กินร่วม ก็อาจจะทำให้ชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง เป็นทุกข์ไปอีกแบบหนึ่ง อาจจะกลายเป็นเบียดเบียนตัวเองไปอีกแบบก็ได้
กินมังสวิรัติ อยู่ในสังคมยาก?
กินมังสวิรัติ อยู่ในสังคมยาก?
การเข้าสังคมเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาหนึ่งของผู้ที่เริ่มต้นกินมังสวิรัติ ถึงแม้ว่าบางคนจะกินมานานแล้วก็อาจจะยังไม่สามารถผ่านพ้นปัญหานี้ได้
เมื่อเราสามารถละเว้นการกินเนื้อสัตว์ หันมากินผักได้สักพักแล้ว จะเริ่มมีปฏิกิริยาจากสังคมรอบข้าง ทั้งในด้านคำชมและด้านทักท้วงนินทา เขาอาจจะชมเรามากมายว่าเป็นคนดี ดูดี สุขภาพดี สดใส ฯลฯ แต่ก็มักจะมีคำท้วงติงหรือนินทาเข้ามาพร้อมๆกัน เช่น ลำบากไปไหม ยุ่งยากไหม ผอมไปนะ โทรมไปนะ มันจะเกินไปนะ และอีกมากมายที่เราก็น่าจะเจอด้วยตัวเอง
ทั้งคำติชม สรรเสริญนินทาเหล่านั้น ล้วนเป็นพลังจากสิ่งรอบข้างที่เข้ามาสร้างความหวั่นไหวในจิตใจของเรา ถ้าเขาชมเราแล้วเราดีใจ ใจฟู เราก็ยังติดคำชมอยู่ ซึ่งทำให้ในขณะเดียวกันเมื่อเขาท้วงติงหรือพูดไม่ถูกใจเราก็อาจจะทำให้เราไขว้เขว หรือโกรธ ไม่พอใจเขาก็ได้
การหันมากินมังสวิรัติ ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดทางด้านร่างกายและสังคมไม่มากก็น้อย การกินมังสวิรัตินั้นไม่ได้ทำให้อยู่ในสังคมยาก แต่ความจริงคือมันยากที่จะสู้กับความอยากของตัวเองที่จะกลับไปกินเนื้อสัตว์ เพราะในระหว่างที่เรายังข้ามไม่พ้นสะพานไปสู่ชีวิตมังสวิรัตินี้ ก็จะมีบางสิ่งคอยดึง ฉุดรั้งเราไว้ให้อยู่ฝั่งเนื้อสัตว์ ให้กลับไปกิน ไปเสพเนื้อสัตว์ ให้เรารู้สึกว่าการกินมังสวิรัตินั้นยากลำบาก ทรมานกาย ลำบากในการเข้าสังคม
ในความจริงแล้ว การกินมังสวิรัติ นั้นไม่ได้ทำให้สังคมลำบากเลย ถ้าเรากินอย่างมีปัญญารู้จักเอาตัวรอด ไม่สร้างปัญหาให้คนอื่น สังคมเขามีแต่จะยินดีกับเราด้วยที่เราละเว้นเนื้อสัตว์ เราทำเรื่องดี ใครเขาก็เห็นดีด้วยอยากส่งเสริมอยากสนับสนุน
มีแต่จิตใจของเราเองนั่นแหละที่คิดไปเองว่ามันจะลำบากใจ สร้างความลำบากให้กับคนอื่น ปรับตัวในสังคมยาก ใช้ชีวิตยาก เพราะเราไม่ได้ศึกษาหาวิธีการกินมังสวิรัติอย่างยั่งยืนและมีความสุข ไม่มีเพื่อนร่วมลดเนื้อกินผัก ไม่มีผู้รู้คอยแนะนำการใช้ชีวิตมังสวิรัติอย่างมีความสุข มีแต่ความรู้ว่ากินเนื้อสัตว์ไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าจะกินมังสวิรัติอย่างไรให้ยั่งยืน
ดังนั้นผู้ที่คิดจะกินมังสวิรัติจึงต้องคอยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิธีการกินมังสวิรัติ การใช้ชีวิต การเอาตัวรอดในสังคม การอยู่ในสังคมอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จนกระทั่งสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้ที่ยังกินเนื้อสัตว์ได้อย่างมีความสุข โดยที่ตัวเองก็สามารถละเว้นเนื้อกินแต่พืชผักได้อย่างไม่มีตกหล่น
มังเขี่ย : ข้าวผัดหมู
มังเขี่ย~ (ข้าวผัดหมู)
วันก่อนได้กินมังเขี่ย (ปกติกินที่บ้านก็ไม่ต้องเขี่ย) แต่ครั้งนี้มาบ้านเขา เราก็มังเขี่ย!! หน้าตาก่อนจะมาเป็นรูปนี้คือข้าวผัดหมู ที่มีแตงกวา มะเขือเทศ และข้าวผัดหมูหน้าตาดี แต่ลืมถ่ายรูปไว้
มังเขี่ย นี่เป็นอะไรที่พูดกันได้ง่ายๆ แต่ทำจริงๆยาก เพราะนอกจากต้องสู้กับความอยากของตัวเองแล้ว ยังต้องสู้กับคำพูดทดสอบความตั้งใจของเราซึ่งเป็นของขวัญจากผู้อื่นด้วย ว่าเราจะยังเกรงใจอยู่ไหม ยังกังวลว่าเขาจะลำบากใจอยู่ไหม ไม่ใช่บอกว่าเรามังเขี่ย แต่เวลาไปกินกับชาวบ้าน เราก็กินตามเขาหมด อันนี้ก็ให้เพียรพิจารณาว่าจริงๆ แล้ว…
…เรากินตามปากเราหรือปากชาวบ้าน
…จริงๆเราอยากกินเนื้อสัตว์ แล้วเอาคำว่าเกรงใจมากลบเกลื่อนรึเปล่า
…เราไปกังวลกับเรื่องที่เขาพูด หรือเรื่องที่เขาคิดไหม?
…เราไม่กินเนื้อสัตว์นี้ คนอื่นเขาก็ไม่เดือดร้อนนี่?
…แล้วถึงเขาจะเดือดร้อน แล้วมันเรื่องอะไรที่เราต้องไปเดือดร้อนตามล่ะ?
…ถึงจะเขี่ยทิ้งแล้วเป็นของเหลือ แล้วมันยังไงล่ะ เดี๋ยวมันก็มีที่ไปของมันเองแหละ
สุดท้ายแล้ว ถ้าเราตัดความอยากกินเนื้อสัตว์และความกังวลเกี่ยวกับสังคมได้ ก็กินมังเขี่ยได้สบายเลยล่ะ
ึความคิดเห็นล่าสุด