Tag: อาหารเจ
ข้าวกะเพรา + เป็ดเจ
ข้าวกะเพรา + เป็ดเจ
อาหารกล่องเจ ร้านสะดวกซื้อ เป็นสินค้าที่มีขายอยู่ทั่วไปในช่วงเทศกาลเจ เป็นเหมือนทางออกสำรองสำหรับคนกินมังฯ
ปกติจะไม่เคยได้กินข้าวกล่องเท่าไหร่ เพราะได้ปริมาณน้อย เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป ถ้าจะกินเอาอิ่มนี่คงหมดเป็นร้อยกันเลยทีเดียว
อาหารเจที่ใช้โปรตีนเกษตรทำจะกินง่าย รสชาติเหมือนผัดที่ใช้เนื้อสัตว์ทำ เหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีทัศนคติว่าอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ไม่อร่อย
ส่วนเรื่องกินแล้วจะนึกถึงหมูถึงเป็ดไหมนี่? ก็แล้วแต่คน ถ้าคนชอบหมูมากๆก็จะนึกถึงหมู ชอบเป็ดมากๆก็จะนึกถึงเป็ด แต่ถ้าคนไม่อยากกินเนื้อก็จะนึกแค่โปรตีนเกษตร…
ข้าวกล่องก็ยังเป็นทางเลือกหนึ่งที่ยังดีกว่าไปเบียดเบียน แต่ถ้าจะให้ดีกว่า มาทำอาหารกินเองกันเถอะ!!
กินเจแล้วดี กินทั้งปี กินทั้งชาติไปเลย
กินเจแล้วดี กินทั้งปี กินทั้งชาติไปเลย
และแล้วก็วนมาถึงเทศกาลกินเจกันอีกครั้ง ในหนึ่งปีก็จะมีโอกาสเพียงช่วงสั้นๆที่จะได้มีโอกาสถือศีลกินเจ คนที่คิดจะลดเนื้อกินผัก คิดจะกินมังสวิรัติก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการหากินอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ได้ง่ายขึ้น แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถที่จะกินเจต่อไปได้มากกว่ากรอบของเทศกาล มากกว่าประเพณีนิยม มากกว่าที่เคยทำมา คือกินเจต่อไปอีกเดือน อีกไตรมาส อีกปี หรือกินไปเรื่อยๆทั้งชีวิตเลย
ขึ้นชื่อว่าถือศีลกินเจ นั้นก็เป็นเรื่องดี แต่ทำไมคนเราถึงต้องกำหนดช่วงเวลาที่จะทำดีไว้เพียงครู่เดียว หนึ่งปีกินเจไม่กี่วัน แต่วันที่เหลืออื่นๆเรากลับกินเนื้อสัตว์ จะว่าไปมันก็ดี แต่จะว่าดีมันก็ไม่ดีเสียทีเดียว เพราะดีที่ยังไม่ดีพร้อม ก็ถือว่ายังไม่ดีอยู่ดีนั่นเอง
ในช่วงเทศกาลกินเจ นอกจากจะมีการกินอาหารที่ละเว้นเนื้อสัตว์ ของฉุน ของมึนเมา ก็ยังมีการถือศีล นุ่งขาวห่มขาว เข้าวัด สวดมนต์ ฯลฯ อีกด้วย ซึ่งถ้าเราไม่ได้สนใจในประเพณีนิยมมากนัก ก็อาจจะเลือกปฏิบัติเฉพาะในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับเรามากที่สุด
เช่น ในช่วงเทศกาลกินเจนี้ ก็จะมีอาหารเจขายกันทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่กำลังคิดจะลดเนื้อกินผัก ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เริ่มลดเนื้อกินผัก หรือกินได้ในช่วงเวลาที่ยาวนานขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่จะสามารถหาอาหารที่เหมาะสมได้ง่าย ซึ่งเหมาะกับมือใหม่หัดลดเนื้อกินผัก ที่ต้องการเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ฝึกฝนตัวเองในช่วงนี้
ในช่วงนี้ แม้ว่าจะไปสั่งอาหารที่ร้านไหน ก็จะเข้าใจกันได้ง่าย เพียงแค่บอกว่าเรากินเจ ก็จะรู้กันในหมู่ร้านอาหาร บ้างก็ยินดีต้อนรับ บ้างก็ไม่รับทำอาหารเจ ก็ต้องเลือกดูว่าร้านไหนเขายินดี ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถเข้าไปสั่งได้ทุกร้านนะ
กินเจ กับ ตรุษจีน
ยังคงเป็นประเด็นกับประเพณีนิยมของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สร้างความสับสนในสังคมว่า ที่ทำในเทศกาลตรุษจีนมันดีจริงหรือ เทศกาลหนึ่งก็ละเว้นเนื้อสัตว์ อีกเทศกาลก็ฆ่าสัตว์ ซื้อสัตว์ตายมาบูชาเทพเจ้าบรรพบุรุษผีสางเทวดานางไม้ ฯลฯ สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้คนหมู่มากที่ไม่ได้เข้าใจข้อปฏิบัติและประเพณีนิยมเหล่านั้น
ในเมื่อการถือศีลกินเจละเว้นชีวิตสัตว์มันดี แล้วทำไมถึงยังสนับสนุนในการบูชาด้วยสัตว์ตายอยู่ ถ้าจะไปถามก็มักจะได้คำตอบประมาณว่าเป็นประเพณีเขาปฏิบัติตามกันมา เขาว่าดี คนเขาถือ ฯลฯ
ในเมื่อการละเว้นชีวิตสัตว์นั้นดี เข้าใจว่าเป็นการทำบุญบูชา แล้วทำไมเทศกาลตรุษจีนกลับทำบาปบูชาด้วยชีวิตสัตว์อยู่อีก ตกลงว่าอย่างไหนดี อย่างไหนเป็นกุศลกันแน่ ละเว้นชีวิตสัตว์ หรือฆ่าสัตว์
ผู้มัวเมาในสิ่งลวงมักจะแยกกุศล อกุศลไม่ออก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นดอกบัวเป็นกงจักร ทำโดยที่ไม่มีปัญญาพิจารณาว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว ไม่พิจารณาไปถึงแก่นสารสาระที่แท้ของกิจกรรมที่ทำ ไม่รู้บุญ ไม่รู้บาป รู้แค่เขาทำมา ก็ทำตามเขาไป หลงมัวเมาในประเพณีนิยม หลงในโลกธรรม หลงยึดเป็นอัตตา
จริงอยู่ว่าตรุษจีนนั้นเป็นเทศกาลสากลของชาวจีนทั่วโลกทำมาอย่างยาวนาน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คนหมู่มากทำนั้นจะดีเสมอไป การฆ่าสัตว์การเบียดเบียนสัตว์เป็นสิ่งไม่ดีอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลใดมีน้ำหนักพอที่จะทำให้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีเลย ดังจะเห็นได้ว่ามีลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนยุคใหม่บางส่วน เริ่มจะใช้ผักผลไม้บูชาในวันเทศกาลตรุษจีนบ้างแล้ว แม้ว่าเขาจะยังหลงไปตามประเพณีนิยม แต่ก็ยังสามารถลดการเบียดเบียนลงได้ ทั้งยังไม่เป็นที่ครหาของคนหมู่มาก
เราหลงผิดกันมานานนับพันปีแล้ว ทำบาปบูชาหวังจะได้บุญ ได้กุศล ได้สิ่งดี เป็นความยินดีบนชีวิต บนกองเลือด บนความทรมาน บนความเจ็บปวด บนความเศร้าหมอง สิ่งนั้นดีจริงอย่างนั้นหรือ บรรพบุรุษจะยินดีที่เราทำบาปจริงหรือ ถ้าเราไปทำร้ายสัตว์ ไปทุบตีสัตว์พ่อแม่ยังดุด่าว่าเราใจอำมหิตเลยใช่ไหม ทีนี้เราไปส่งเสริมการฆ่าสัตว์ ไปซื้อสัตว์ตายมาบูชาท่าน เราหวังจริงๆหรือว่าท่านจะยินดีต่อสิ่งนั้น
การกินเจของชาวไทยเชื้อสายจีนนี่แหละ ที่จะสามารถเปลี่ยนโลกได้ เปลี่ยนโลกที่เบียดเบียนกันและกันมาเป็นโลกที่เมตตาต่อกัน แม้ว่าการกินเจจะมีอยู่แค่ในกลุ่มคนไทย แต่สิ่งนั้นเกิดเพราะคนไทยเรามีจิตใจที่เมตตา มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องอาศัย เทศกาลละเว้นชีวิตสัตว์ถือศีลจึงได้เกิดขึ้นมา
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคนที่จะล้างบาปของบรรพบุรุษ ชี้นำกุศล ทำลายอกุศล สลายม่านหมอกแห่งความมัวเมาในประเพณีที่ไม่รู้ว่าบุญบาปอยู่ตรงไหน กุศลอกุศลเป็นอย่างไร ให้เกิดความชัดเจนว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนชั่ว ด้วยการปฏิบัติที่ตัวเอง เริ่มจากตัวเอง กินเจต่อเนื่องให้ได้ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีไปจนตลอดชีวิต
เพราะเมื่อสิ่งนั้นดี เหล่าคนผู้มีปัญญาย่อมยึดอาศัยสิ่งที่ดีเพื่อให้เกิดสิ่งดี เกิดความสุข เกิดความเจริญในชีวิต และละเว้นสิ่งที่ชั่ว เว้นขาดจากการเบียดเบียน ที่จะนำมาซึ่งบาป อกุศล ทุกข์ โทษ ภัย ผลเสีย ต่อชีวิต
มังสวิรัติ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป
การเริ่มต้นคิดจะลองกินมังสวิรัติสามารถทำได้ไม่ยาก เพราะมีร้านอาหารที่ขายอาหารมังสวิรัติ หรืออาหารเจอยู่มากมายแต่การที่จะเปลี่ยนมากินมังสวิรัติอย่างจริงจังนั้นไม่ง่าย เพราะการจะพึ่งพาร้านอาหาร หรือสถานที่ที่เราคุ้นเคยนั้นจะทำให้เราไม่ได้เรียนรู้การปรับตัวเมื่อปัจจัยเปลี่ยนแปลง เช่น เมื่อต้องเดินทางออกไปในสถานที่ที่ไม่รู้จัก เมื่อต้องทานอาหารร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น
จุดประสงค์หรือปลายทางของผู้ที่คิดจะกินมังสวิรัตินั้น แน่นอนว่าส่วนหนึ่งคือต้องการจะลดการเบียดเบียนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป หากเราได้มีการวางแผน ลำดับการเรียนรู้และพัฒนาการกินมังสวิรัติของเราให้ได้สมบูรณ์ขึ้นไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ลด ละ เลิก การกินเนื้อสัตว์ไปตามลำดับ โดยที่ไม่บีบบังคับให้ตัวเองเกิดความทุกข์ ทรมานจากความโหยหาอยากกินเนื้อสัตว์จนเกินไป และไม่เวียนกลับไปกินเนื้อสัตว์เป็นประจำอย่างเดิมเพราะทนความอยากไม่ไหว
ถ้าเราไม่เคยเรียนรู้การกินมังสวิรัติ เราอาจจะพบปัญหา กินได้ไม่นานก็เลิก, กินตามคนอื่นเขาไปโดยไม่รู้ว่ามันดีอย่างไร, ทนกินไปเพราะคนอื่นเขาว่ามันดูดี, กินไปก็ไม่มีความสุข, กินไปก็ทรมาน เพราะใจจริงก็ยังอยากกินเนื้อสัตว์อยู่ สุดท้ายก็กลับไปกินเนื้อสัตว์ ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดเลย ถ้าเราพยายามเรียนรู้ที่จะ ลด ละ เลิก ไปตามลำดับที่เราทำไหว โดยตั้งใจที่จะพัฒนาสู่ความเบียดเบียนที่น้อยลงเรื่อยๆ อย่างมีความสุข
…การเริ่มต้นโดยลำดับ ลด ละ เลิก
ลด…. ผู้ที่สนใจหรือต้องการเริ่มต้นกินมังสวิรัติ ควรจะทดลองลดการกินเนื้อสัตว์ดูก่อน ลดในรูปแบบชนิดของสัตว์ ลดจากสัตว์ใหญ่ไปหาสัตว์เล็ก เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา อาหารทะเล แมลง ไข่ นมสัตว์ เป็นการลดการฆ่าและการเบียดเบียนไปตามลำดับ และเรายังสามารถลดปริมาณการกินเนื้อสัตว์ด้วยก็ได้ เช่น การปรับเปลี่ยนเมนูอาหารสู่การลดการใช้เนื้อสัตว์ เปลี่ยนวัตถุดิบจากเนื้อสัตว์กลายเป็นผัก กินอาหารที่ผสมผักในอัตราส่วนที่มากขึ้น เพิ่มผักในแต่ละมื้อให้มากขึ้น ลดการกินเนื้อสัตว์ให้น้อยลงไป ค่อยๆลดไป จนรู้สึกว่าสามารถทำได้มากกว่า การลด
ละ…. เมื่อมีกำลังใจมากพอ จนรู้สึกว่าสามารถลดการกินเนื้อสัตว์ได้มากแล้ว ให้ลองละเว้นการกินเนื้อสัตว์ เป็นช่วงเวลา เช่น ไม่กินเนื้อสัตว์ในมื้อเย็น, ไม่กินเนื้อสัตว์วันเสาร์อาทิตย์, ไม่กินเนื้อสัตว์สัปดาห์แรกของเดือน, ไม่กินเนื้อสัตว์ในเดือนเกิด, ไม่กินเนื้อสัตว์ช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน ในการละนี้ อาจจะละเป็นชนิด เช่น ละเนื้อวัวช่วงเวลาหนึ่ง เนื้อวัวหมูไก่ช่วงเวลาหนึ่ง หรืออาจจะละเว้นการเบียดเบียนใดๆก็ตามในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ ละเท่าที่สามารถทำได้ในขีดที่ไม่ทรมานร่างกายและจิตใจตนเองมากเกินไปจนรู้สึกทุกข์ จนเข็ดขยาดกับการกินอาหารมังสวิรัติ โดยให้เพิ่มช่วงเวลาและชนิดของการละเว้นให้มากขึ้น มากขึ้นจนมั่นใจว่าเราละได้อย่างสบายใจ และรู้สึกยินดีที่ได้ละเว้น
เลิก…. เมื่อเราเรียนรู้ที่จะกินมังสวิรัติได้มากพอที่จะมั่นใจว่า สามารถเลิกได้แล้ว อาจจะมีอารมณ์คิดถึง อยากกินอยู่บ้าง เผลอไปกินอยู่บ้าง ทั้งๆที่ใจนั้นไม่ได้อยากกิน หรืออยากเสพรสในเนื้อสัตว์นั้นแล้ว ก็ให้ตั้งใจที่จะเลิก เลิกกินเนื้อสัตว์นั้นๆไปเลย เลิกให้มันออกจากชีวิตไปเลย ไม่มีการอนุโลมว่าจะไปกินในกรณีใดๆ ใครชวนก็ไม่เอา ให้ฟรีก็ไม่เอา พาไปเลี้ยงแถมเงินให้ก็ไม่เอา แม้คนที่เคารพ มีบุญคุณ มีผลประโยชน์ จะหว่านล้อมให้เรากิน เราก็ไม่กิน
ในด่านของการเลิก เรามักจะเจอเหตุการณ์ที่พาให้เราหลงกลับไปกินได้อยู่บ่อยครั้ง อาจจะเป็นเพราะเรากลัวคนอื่นลำบากใจ กลัวคนนินทา โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องเข้ากลุ่มสังคม หรือแม้กระทั่งในใจลึกๆก็ยังอยากกินอยู่ และเรามักจะใช้เหตุอื่นๆเป็นข้ออ้างในการกลับไปกินเนื้อสัตว์ มีข้ออ้างมากมายทำให้กลับไปกินเนื้อสัตว์ ความคิดที่ว่ากินไปเถอะอย่าคิดมากเลย เริ่มไม่จริงจัง ปล่อยวางก่อนเวลาอันควร กลายเป็นเหยาะแหยะ ครึ่งๆกลางๆ นั่นแหละตัวกิเลส กิเลสคือนักหาเหตุผลที่จะทำให้กลับไปเสพที่เก่งที่สุดในโลก (ของแต่ละคน) ณ จุดที่ตัดสินใจจะเลิก จะต้องเด็ดขาด จริงจัง ยอมถวายชีวิตกันไปเลย ไหนๆ วัว หมู ไก่ ปลา กุ้ง ปลาหมึก ฯลฯ มันก็เคยตายเพื่อ(กิเลส)เรามาเยอะแล้ว ในครั้งนี้เราจะยอมจริงจังเพื่อมันบ้าง
การ ลด ละ เลิก จะไม่สามารถพัฒนาได้เลย หากขาดการเรียนรู้และพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง การหาข้อมูลเกี่ยวกับมังสวิรัติ ความจริงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ทุกครั้งที่เราคิดจะกินหรือไปกินเนื้อสัตว์มาแล้ว ให้พึงระลึกไว้ว่าเราได้มีส่วนสร้างกรรม อันคือความเบียดเบียนให้แก่สัตว์อื่นแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นจะเวียนกลับมาเป็น ทุกข์ โทษ ภัยสู่ตัวเราเอง พิจารณาโทษของการกินเนื้อสัตว์ ความไม่สบายร่างกาย อึดอัดแน่นท้อง ปวดเมื่อย โรคภัยไข้เจ็บ พิษและสารเคมีตกค้าง ความสิ้นเปลือง ฯลฯ โดยให้รู้ว่าความอยากกินเนื้อสัตว์มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เราไปหาอะไรกินให้อิ่มเดี๋ยวมันก็จะลืมไปเอง แท้จริงแล้วความอยากในการกินเนื้อสัตว์มันก็ไม่ใช่สาระอะไรของชีวิตเลย ซ้ำยังเป็นเหตุแห่งทุกข์ให้เราเกิดความอยาก จนต้องลำบากหาเนื้อสัตว์มากินอีก ทั้งที่จริงก็ได้มีการพิสูจน์กันมากมายแล้วว่า การกินมังสวิรัติก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างแข็งแรง มีกำลัง เหมือนอย่างคนทั่วไปและที่เหนือกว่าคนทั่วไปก็มี และประโยชน์ในการเปลี่ยนเข้ามาสู่การกินมังสวิรัติ ไม่ว่าจะเป็นความสบายใจ สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ประหยัด บุญและกุศล พยายามหาข้อดี หาประโยชน์ที่ชวนให้เห็นข้อดีตามจริงของการกินมังสวิรัติ หาความรู้กันไปพิจารณาทบทวนกันไปสักวันหนึ่งก็จะเจริญขึ้นเอง
สุดท้าย…. เมื่อเราเลิกได้แล้ว เมื่อเห็นก็รู้สึกว่าไม่อยากกินแล้ว มีโอกาสที่จะได้กิน ก็ยินดีที่จะไม่กินอย่างมีความสุข สบายใจ ไม่โหยหา ไม่เสียดาย ไม่คิดถึง ไม่กังวล ที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์เหล่านั้น แม้จะลองกลับไปทดลองกินก็ไม่ได้เกิดความสุขอย่างที่เคยมีในสมัยยังเสพติดเนื้อสัตว์อีกแล้ว ความสุขจากการเสพมันหายไปจนรู้สึกได้ว่ามันไม่มีอะไรเลย เป็นรสสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง มีรสชาติ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขม เผ็ด ที่เป็นไปตามการปรุงแต่งธรรมดาของอาหาร กลับกลายเป็นว่าเมื่อไม่กินจะมีความสุขมากกว่า ยินดีที่จะสละเนื้อสัตว์ สละการเบียดเบียนออกไปจะดีกว่าที่ต้องไปกิน เมื่อนั้นแหละ ที่เราได้รางวัลมาแล้ว คือความสุขที่เกิดขึ้นแม้จะไม่ได้กินเนื้อสัตว์ ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องดีใจหรือเสียใจเมื่อได้เสพหรือไม่ได้เสพอีกต่อไป เป็นอิสระจากความอยากกินเนื้อสัตว์ อย่างแท้จริง
และเราก็สามารถที่จะมองสัตว์เหล่านั้นได้อย่างเต็มตา แม้ว่าจะต้องเห็นภาพพวกมันถูกทรมาน หรือถูกฆ่า ก็ไม่ต้องแบกความรู้สึกละอายต่อบาป เพราะเราเลิกเบียดเบียน ไม่มีส่วนแห่งบาปนั้นอีกต่อไป
จะเห็นได้ว่าการกินมังสวิรัติที่เบียดเบียนน้อยที่สุดนั้นทำได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินความพยายามของเรา…
ึความคิดเห็นล่าสุด