Tag: โปรตีน
ถั่วต้ม
ถั่วต้ม : คนกินมังสวิรัติมักจะกังวลว่าเราจะขาดโปรตีน แต่จริงๆเรามีถั่วและธัญพืชเป็นมิตรแท้ในด้านโปรตีน ถั่วสามารถทดแทนโปรตีนที่ขาดไปได้
ทำให้คนกินมังฯ แข็งแรง มีกำลังเหมือนปกติ และยังทำให้อาหารที่กินอยู่ท้อง ไม่หิวเร็วด้วย
เราสามารถเลือกถั่วได้ตามสภาพของร่างกาย เช่นถ้ารู้สึกหนาวๆก็กินถั่วสีเข้ม เช่นถั่วดำ ถั่วแดง แต่ถ้ารู้สึกว่าร้อนๆ ก็กินถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วขาว หรือถั่วสีอ่อนนั่นเอง ก็จะทำให้ได้ทั้งธาตุอาหารและความแข็งแรงตามมาด้วย
ธัญพืช อัลมอนด์ ถั่วต่างๆ
ชาวมังสวิรัติ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการหาโปรตีนมาเติมให้กับร่างกาย ซึ่งปัญหานี้ก็ทำให้ต้องกลับไปกินเนื้อสัตว์อยู่บ่อยๆ แต่ถ้าเราเรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับแหล่งโปรตีนทดแทนได้ก็จะสามารถกินมังสวิรัติได้อย่างยั่งยืนและแข็งแรง
อัลมอนด์ : ธัญพืช ที่เพิ่มธาตุอาหารให้กับชาว
อัลมอนด์ แม้จะมีคุณค่าแต่ก็มีราคาแพ
เมล็ดฟักทอง : ก็หากินง่ายเหมือนกัน อร่อยได้คุณค่า
ประสบการณ์การกินมังสวิรัติในร้านสุกี้ และการเปลี่ยนแปลงจากสุกี้เนื้อสัตว์มาสู่สุกี้มังสวิรัติ
การกินมังสวิรัติในร้านสุกี้ ถือเป็นด่านที่ค่อนข้างง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่หัดกินมังสวิรัติใหม่ๆ หากมีเพื่อนหรือครอบครัวนัดกันไปกินสุกี้ เราก็สบายใจได้เลยว่ามื้อนี้จะรอดไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เราจะมาลองแชร์ประสบการณ์กินมังสวิรัติในร้านสุกี้กัน
ไปครั้งนี้สั่งไม่เยอะ ไม่หลากหลายเท่าไรนัก เพราะไปกับพ่อสองคน ร้านสุกี้มักจะเป็นร้านที่เรานั่งกินกันตามประสาพ่อลูกเป็นประจำ กินกันมาตั้งแต่ยังไม่กินมังสวิรัติจนตอนนี้เปลี่ยนมากินมังสวิรัติ …ก็จะขอแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการสั่งอาหารไว้ในบทความนี้ด้วย
เมื่อมาถึงร้านสุกี้ เราก็มักจะเปิดเมนูสั่งผักกันก่อน ถ้าเราไม่คิดมากก็กินแต่ผักก็ได้ มีผักให้เลือกมากมายหลายหน้าตา มีรสชาติและรสสัมผัสต่างกันไป เราสามารถสั่งผักแยกตามที่ชอบกิน หรือจะสั่งเป็นชุดรวมก็ได้หากมาเป็นกลุ่มใหญ่ ขึ้นชื่อว่าผักมาเท่าไหร่เราก็กินเรียบ
วิธีการกินผักให้มีความสุข คือ เราควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับผักแต่ละชนิดว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง มีวิตามิน มีคุณค่าทางอาหารแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการรู้ประโยชน์นั้นจะทำให้เรากินผักอย่างมีความสุข เพราะรู้ถึงคุณค่าในผักแต่ละชนิดที่กิน และยังสามารถรู้ไว้ประเมินธาตุอาหารที่จะได้รับได้อีกด้วย เมนูผักที่สั่งเป็นประจำก็จะมี ผักบุ้ง ผักกาดขาว สาหร่ายวากาเมะ ส่วนรูปทางขวาบน คือ ปวยเล้ง ไม่ได้สั่งประจำสักเท่าไรนัก
ด้านขวาล่างคือ คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย ชาวมังสวิรัติอาจจะคิดไปว่า เอ๊ะ! จานนี้มีน้ำมันหอยนี่นา …อย่าเพิ่งใจร้อนตัดสินกันไป เพราะกว่าจะมาถึงจานนี้มันมีที่มาที่ไป ลองมาอ่านกันเลย….
แต่ก่อนเวลากินกับพ่อจะสั่งเป็ดย่างเป็นประจำ แต่เมื่อเราหันมากินมังสวิรัติ ในช่วงแรกนั้นก็ยังสั่งเป็ดย่างมากิน แต่กินโดยที่ใจไม่ได้อยากกิน ไม่อร่อยแล้ว กินเป็นเพื่อนพ่อไป ต่อมาตั้งใจ ละเว้นเด็ดขาด แม้สั่งเป็ดย่างมาแต่ก็ไม่กิน สั่งเพื่อให้พ่อกินคนเดียว สุดท้ายก็ไม่หมด และเราก็ไม่ได้ช่วยกิน ปล่อยมันเหลือไว้อย่างนั้น จนพ่อบอกว่าครั้งหน้าไม่ต้องสั่งก็ได้ เราก็เลยเสนอว่า “ ครั้งหน้าเอาเป็น คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย ดีไหม?” เพราะว่าเรามักจะกินเป็ดย่างกับบะหมี่หยกกันเป็นประจำ ถ้ามันขาดไปคงจะเหงาไปหน่อย ซึ่งในตอนนี้ คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย เลยเป็นตัวแทนเป็ดย่างนั่นเอง เข้าสูตรการลด การกินเนื้อสัตว์แล้ว ส่วนจะพัฒนาไปอย่างไร ก็รอดูกันต่อไป
ถ้าเราสามารถละเว้นเนื้อสัตว์ได้สมบูรณ์แล้ว เราอาจจะอนุโลมเป็นกรณีไป ซึ่งต้องประมาณให้เกิดกุศล อย่าบ่อยจนเกินไป อย่างกรณีนี้เป็นคนในครอบครัว ซึ่งเราก็ไม่เคยไปบอกให้เขาหันมากินมังสวิรัติเหมือนเรานะ แค่ทำให้ดู กินให้ดู ไม่หันกลับไปอยากกินเนื้อสัตว์ ไม่ทำตัวไม่มั่นคง ให้เขาไขว้เขวว่ามังสวิรัติดีจริงรึเปล่า? ให้เขาสับสนว่าเลิกกินเนื้อสัตว์แล้วมีความสุขจริงหรือ? เราจะพูดแต่เรื่องดีๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ได้จากการกินมังสวิรัติ โดยไม่ต้องไปกดดัน บีบคั้น หรือไปบอกว่าคนกินเนื้อสัตว์เบียดเบียนอย่างไรให้เขาลำบากใจ
เชื่อไหมว่าเดี๋ยวเขาก็ตามมากินแบบเราเองนั่นแหละ อย่างน้อยเขาก็เห็นดีเห็นควรตามเรา แม้ว่าเขาจะสามารถกินมังสวิรัติได้เฉพาะเวลาร่วมโต๊ะกับเราก็ตาม แต่นั่นหมายถึงเราเปิดประตูและเชิญเขา เข้ามาสู่ชีวิตมังสวิรัติได้บ้างแล้ว เป็นกุศลมากพอแล้ว เพราะเรามีโอกาสจะสร้างชาวมังสวิรัติเพิ่มอีกหนึ่งคน ในทางกลับกันถ้าเราไปกดดัน บีบคั้น รังเกียจคนกินเนื้อสัตว์ อาจจะเผลอไปพูดทำร้ายจิตใจเขา จนเสียโอกาสที่จะเพิ่มชาวมังสวิรัติไปอีกคนหรือหลายคนเลยก็ได้ เพราะจริงๆแล้วคนเราติดยึดไม่เท่ากัน กว่าเราจะออกจากการเบียดเบียน กว่าจะเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ก็ใช้เวลากันนานพอสมควร …ดังนั้นการที่คนอื่นจะติดยึดในการกินเนื้อสัตว์ จะใช้เวลานานกว่าจะรู้ถึงผลเสีย จนถึงเนิ่นนานไปอีกกว่าจะเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก
มาต่อกันที่เมนูสุกี้มังสวิรัติ เราจะเพิ่มโปรตีนกันด้วยเต้าหู้ มีเต้าหู้มากมายให้เลือกสั่ง ที่ร้านสุกี้มักจะมีให้เลือกระหว่างเต้าหู้ไข่ กับเต้าหู้ธรรมดา ซึ่งน่าจะทำจากถั่วเป็นหลัก ใครอยากลองลดไข่ก็เริ่มจากสั่งเต้าหู้ถั่วเขียวไปก็ได้ เพราะกินไปก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก
ต่อกันที่เมนูเห็ด เลือกเห็ดมาสามชนิด คือ เห็ดฟาง เห็ดชิเมจิดำ เห็ดชิเมจิขาว คิดอะไรไม่ออกก็สั่งเห็ดนี่แหละ รวมๆแล้วแค่สั่งสามอย่างคือ ผัก เต้าหู้ เห็ด ให้หลากหลาย ก็มีของให้กินเต็มหม้อสุกี้แล้ว ไม่ต้องกลัวเลยว่าชาวมังสวิรัติจะต้องลำบากในร้านสุกี้ แม้ว่าเพื่อนๆ หรือผู้ร่วมโต๊ะจะกินเนื้อ เราก็กินมังสวิรัติของเราไปได้อย่างสบายใจ เพราะจิตใจเราไม่ได้อยากกินเนื้อ และไม่ได้รังเกียจคนที่กินเนื้อ เพราะเข้าใจดีว่าการเลิกกินเนื้อนั้นยาก ต้องใช้เวลา เราเข้าใจและเห็นใจ พร้อมทั้งยังให้อภัยที่พวกเขากินเนื้ออันมีส่วนในการเบียดเบียน และสุดท้ายเรานี่แหละคือตัวอย่างที่จะทำให้เขาเห็นว่ากินมังสวิรัติแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร
มาถึงสุดท้าย คือ แป้ง เป็นธาตุอาหารที่ขาดไม่ได้ของชาวมังสวิรัติ ตั้งแต่กินมังสวิรัติมา ไม่เคยลดแป้งเลย ไม่เคยงดข้าว ไม่เคยกินสลัดแทนข้าว (ยกเว้นว่าไปร้านสลัด) ข้าวนี่แหละจะทำให้เรามีแรง มีกำลัง ดังนั้นมากินสุกี้เราจึงสั่ง ข้าวสวย มาด้วยหนึ่งถ้วย เท่านั้นยังไม่พอ เรายังสั่ง เส้นอุด้ง มาด้วย เพื่อความหลากหลายในหม้อสุกี้ และที่ยังขาดไม่ได้คือ บะหมี่หยกราดน้ำเป็ด
อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ เรากำลังจะปรับสู่ การลด ละ เลิก ในระดับสังคม ดังนั้นการเอื้อให้ผู้อื่นบ้าง ให้เขาได้ทดลองกินมังสวิรัติด้วยความรู้สึกไม่ลำบากจนเกินไป เป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าเราไปบีบคั้น ด้วยข้อมูลมากมายว่ายังเหลือการเบียดเบียน กินเนื้อสัตว์ไม่ดี ฯลฯ อาจจะเรียกได้ว่าตึงจนเกินไป ซึ่งจริงๆแล้ว เราควรจะตึง หรือเคร่งกับตัวเองเท่านั้น และให้หย่อนกับคนอื่น ให้เมตตากับคนอื่นมากๆ มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ที่เขาจะไม่รู้ทุกข์ โทษ ภัย ผลเสียจากการเบียดเบียน เรามีหน้าที่เพียงแค่บอกข้อมูลด้วยเมตตา บอกไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ บอกเนื้อหาให้เหมาะกับเขา พอที่เขาจะรับได้ เข้าใจได้ ไม่ลำบากใจจนเกินไปเขารับได้ เขาสนใจก็ยินดีกับเขา เขาไม่รับไม่สนใจ เราก็วางใจ ปล่อยวางไป
วิธีการเพิ่มชาวมังสวิรัติก็ไม่ได้ยากอะไร แค่ทำตัวเองให้มั่นคงกับการกินมังสวิรัติ ไม่ย่อหย่อน หาข้ออ้างมากมายเพื่อที่จะได้กินเนื้อสัตว์อย่างสบายใจ ตัดเนื้อสัตว์ให้เด็ดขาด อย่าให้หลงเหลือแม้ความอยากในจิตใจ ให้เขาได้สงสัยในความตั้งใจของเรา ให้เขาเห็นสิ่งดีที่เกิดขึ้นจริงๆด้วยตัวเขาเอง ถ้าเราเชื่อในสัจจะว่าการไม่เบียดเบียนนำสุขมาให้ วันหนึ่งสิ่งนั้นจะแสดงผลของมันเอง และเมื่อเขาเห็นผล เข้าใจเหตุที่มาว่าทำไมจึงเกิดผลขึ้น ถึงวันนั้นเขาสนใจ เขาก็จะมากินมังสวิรัติตามเราเอง
เต้าหู้ทอด
เต้าหู้ทอด (เค้กบ้านสวน3) : หวาน มัน เผ็ด ได้โปรตีนและไขมันมากมาย
พอกินแทน “ทอดมัน” ไปได้แบบขำๆ ไม่เหมือนกันเท่าไหร่ แต่เอานะ พอไหว~
ถั่วต้มรวมมิตร
หลายๆคน คงสงสัยว่ากินมังสวิรัติแล้วเอาโปรตีนจากไหน ก็ต้องแนะนำถั่วและธัญพืชกันต่างๆเลยนะครับ โปรตีนเพียบ ดีกับร่างกายด้วย
ถั่วนี่จะกินถั่วอะไรก็ได้ แต่เลือกให้เหมาะกับสุขภาพ และสภาพแวดล้อมขณะนั้น ซึ่งถั่วเองก็จะมีแบ่งเป็น ฤทธิ์ร้อน ฤทธิ์เย็น …มันร้อนมันเย็นยังไง อันไหนเป็นอันไหน ก็จะนำข้อมูลมาแบ่งให้กันครับ
ธัญพืชฤทธิ์ร้อน ได้แก่ Brazil Nut, แมคคาเดเมีย, Walnut, เม็ดบัว, อัลมอนด์, ถั่วแดงหลวง, งาขาว ,งาดำ , เม็ดมะม่วงหิมพานต์, ถั่วปากอ้า,พิสตาชิโอ,ถั่วดำ, ถั่วลิสง, ถั่วแดงเล็ก และเกาลัด เป็นต้น
ธัญพืชฤทธิ์เย็น ได้แก่ ถั่วขาว ถั่วเขียว ถั่วเขียวซีก ถั่วแระ ถั่วเหลืองซีก ถั่วเหลือง ถั่วโชเล่ยหรือ ถั่วลูกไก่ ลูกเดือย ถั่วลันเตา เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติมได้ใน http://morkeaw-nutrition.blogspot.com/
ถั่วรวมมิตรของผม ในถ้วยนี้ก็จะมีถั่วเขียว ถั่วดำ ปนกันครับ เอาร้อนเย็นมาผสมกันเลย กินเข้าไป ร่างกายจะดึงไปปรับสมดุลเอง จะช่วยให้เป็นยา และแหล่งโปรตีนเพื่อร่างกายของเราด้วย
การทำถั่วต้มผมก็จะแช่น้ำไว้ก่อนประมาณ 1 คืน เพื่อให้ถั่วนิ่ม และนำมาล้างและต้มในวันถัดมา ซึ่งจะใส่น้ำตาลมาก น้อย หรือจะไม่ใส่เลยก็ได้แล้วแต่ชอบ ถ้าให้ดีก็ใส่ให้น้อยที่สุดหรือไม่ใส่เลยก็จะดีต่อสุขภาพ แต่หากต้องการพลังงานหรือน้ำตาล ก็สามารถใส่เติมเท่าที่จะสบายก็ได้
ถั่วต้มรวมมิตร เป็นเมนูที่เป็นของหวานที่มีประโยชน์มากๆ สามารถปรับถั่วได้ตามที่ชอบ และปรับตามสภาวะของร่างกายเพื่อเป็นยารักษาโรคได้ด้วย
ส่วนใครที่ไม่อยากกินถั่วต้มน้ำตาล ก็อาจจะใส่พร้อมกันไปในเวลาหุงข้าว จะได้กินพร้อมกันทีเดียวกับข้าว ก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเหมือนกันนะ
ก๋วยเตี๋ยวมะระ
เวลาชาวมังสวิรัติจะไปหาของกินนอกบ้านนี่ต้องอาศัยการสังเกตุและไหวพริบกันหน่อยนะครับ แต่เรื่องทั้งหมดนี้สามารถผ่านได้ง่ายๆ แค่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันเท่านั้น เราก็จะสามารถเรียนรู้หนทางการกินมังสวิรัตินอกสถานที่ได้
สำหรับคนเคร่งๆ อาจจะคิดมาก เช่น น้ำซุปต้มเนื้อนะ ต้มกระดูกสัตว์นะ ก็แล้วแต่นะครับ ในบางเวลาเราจะพิจารณาลดเท่าที่จะลดได้โดยไม่ลำบากใจตัวเอง เพราะการกินมังสวิรัติที่แท้นั้นกินด้วยอารมณ์ที่ไม่มีความอยาก ไม่ใช่กินด้วยการกดข่มหรือทำรูปให้ดูดี ซึ่งจุดประสงค์หลักคือการเอาใจออกจากความอยากกินเนื้อสัตว์อย่างยั่งยืน
ึความคิดเห็นล่าสุด