กินนอกบ้าน
โจ๊ก
โจ๊ก : เช้าๆ บางวัน ก็ยังมีบางที่อยากกินอะไรง่ายๆ เราก็ไปร้านโจ๊กกัน เดินเข้าไป อย่างมั่นใจ “โจ๊กเปล่า 1 ชามครับ” เป็นเมนูที่รู้กันในร้านโจ๊กอยู่แล้ว
อย่างในรูปนี่เขาขายให้ 10 บาท ให้เครื่องครบ ถูกจนเกรงใจเลย กินไป 2 ชาม 20 บาท อิ่ม~
โจ๊กปาท่องโก๋ : ซื้อโจ๊กเปล่ามา 10 บาท ซื้อปาท่องโก๋มาด้วย เห็นเขานิยมกินกัน เอามาถึงบ้าน หั่นต้นหอมใส่เพิ่ม (แต่ดันเยอะไปหน่อย แต่หั่นมาแล้วก็ใส่ให้หมด) อิ่มเพลินกันได้ง่ายๆ ยามเช้า
อันนี้ “โจ๊กเปล่า” เป็นร้านห้องแถวมีชื่อ จะแพงกว่าร้านข้างทางและได้น้อยกว่า (15 บาท) โจ๊กเปล่าจริงๆเลย ก็กินรองท้องให้สบายท้องได้เหมือนกัน
มังเขี่ย : ข้าวผัดหมู
มังเขี่ย~ (ข้าวผัดหมู)
วันก่อนได้กินมังเขี่ย (ปกติกินที่บ้านก็ไม่ต้องเขี่ย) แต่ครั้งนี้มาบ้านเขา เราก็มังเขี่ย!! หน้าตาก่อนจะมาเป็นรูปนี้คือข้าวผัดหมู ที่มีแตงกวา มะเขือเทศ และข้าวผัดหมูหน้าตาดี แต่ลืมถ่ายรูปไว้
มังเขี่ย นี่เป็นอะไรที่พูดกันได้ง่ายๆ แต่ทำจริงๆยาก เพราะนอกจากต้องสู้กับความอยากของตัวเองแล้ว ยังต้องสู้กับคำพูดทดสอบความตั้งใจของเราซึ่งเป็นของขวัญจากผู้อื่นด้วย ว่าเราจะยังเกรงใจอยู่ไหม ยังกังวลว่าเขาจะลำบากใจอยู่ไหม ไม่ใช่บอกว่าเรามังเขี่ย แต่เวลาไปกินกับชาวบ้าน เราก็กินตามเขาหมด อันนี้ก็ให้เพียรพิจารณาว่าจริงๆ แล้ว…
…เรากินตามปากเราหรือปากชาวบ้าน
…จริงๆเราอยากกินเนื้อสัตว์ แล้วเอาคำว่าเกรงใจมากลบเกลื่อนรึเปล่า
…เราไปกังวลกับเรื่องที่เขาพูด หรือเรื่องที่เขาคิดไหม?
…เราไม่กินเนื้อสัตว์นี้ คนอื่นเขาก็ไม่เดือดร้อนนี่?
…แล้วถึงเขาจะเดือดร้อน แล้วมันเรื่องอะไรที่เราต้องไปเดือดร้อนตามล่ะ?
…ถึงจะเขี่ยทิ้งแล้วเป็นของเหลือ แล้วมันยังไงล่ะ เดี๋ยวมันก็มีที่ไปของมันเองแหละ
สุดท้ายแล้ว ถ้าเราตัดความอยากกินเนื้อสัตว์และความกังวลเกี่ยวกับสังคมได้ ก็กินมังเขี่ยได้สบายเลยล่ะ
บะหมี่น้ำ
บะหมี่น้ำ : จำได้เหมือนว่าชามนี้เป็นชามแรกที่ลองสั่งบะหมี่ผักในร้านบะหมี่ เป็นร้านบะหมี่ปู ตอนนั้นก็หิวๆ คิดอะไรไม่ออกก็เข้าไปร้าน บอกว่าต้องการบะหมี่ใส่แต่ผัก
ป้าแม่ค้าก็ผงกหน้ารับ นั่งรอสักพักแล้วก็มาเสริฟที่โต๊ะ รอดไปอีกมื้อ~
บะหมี่ ในปั้ม : ชามนี้สั่งกินระหว่างเดินทางแถวๆสระบุรี ในปั้มเราก็สามารถลดเนื้อกินผักด้วยบะหมี่ได้ บอกเขาไปเลยว่า เอาแต่บะหมี่ใส่ผักได้ไหม ~
บะหมี่ แห้ง : สำหรับคนกังวลใจเรื่องน้ำซุปที่มีซากสัตว์ปน ก็เคยลองกินมาเหมือนกัน แต่เขาก็ให้น้ำซุปมาให้เราเติมพอขลุกขลิก จะเติมก็ได้ไม่เติมก็ได้ เพราะหลักๆเราได้ลดเนื้อกินผักมากขึ้นแล้ว
บะหมี่ ต้มยำ : ซื้อจากรถเข็นบะหมี่เกี๊ยวแถวบ้าน ซื้อสัก 2-3 ครั้งสนิทกันแล้ว สั่งแบบเดิมได้ง่าย เขาก็จะตักฟักให้ด้วย เรื่องเครื่องปรุงยกไว้ก่อน กินบะหมี่ผักได้ก็เก่งละ
บะหมี่ ต้มยำสุโขทัย : ชามนี้กินในฟู๊ดเซ็นเตอร์ หลังจากสื่อสารได้ลงตัวก็ได้บะหมี่ที่ไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์เป็นก้อนๆมา น้ำปลาไม่ใส่ก็บอกเขาได้นะ เพราะเขาจะใส่เครื่องปรุงทีละลำดับ
ข้าวหมกมัสมั่นมันฝรั่ง
ข้าวหมกมัสมั่นมันฝรั่ง : หากินตามศูนย์อาหารทั่วไป ร้านอาหารอิสลามส่วนใหญ่จะมี
เราก็ไปถามเขา ” เอาข้าวหมก แกงมัสมั่นเอาแต่มันได้ไหม?” ถ้าเขายินดีตักให้ก็ซื้อไป ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนร้าน~
แค่นี้ก็ได้ลดเนื้อกินผักกันแล้ว ไม่ต้องลำบากไปหาร้านมังสวิรัติก็ได้
ก๋วยเตี๋ยวมะระ
ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระแถวบ้าน กินกันจนรู้ใจแล้ว ประมาณว่าเราเดินมาก็บอกเหมือนเดิมได้เลย เหมือนเดิมคือ ” บะหมี่กับผัก ”
คนขายเขาก็เข้าใจได้ว่าเราถือศีลกินมังฯ เขาก็ยินดีทำให้นะ ยินดีทั้งคนกินคนขาย
กินก๋วยเตี๋ยวมะระทีไรก็ชอบใส่ถั่วเยอะๆ ใส่มะระ ใส่ผักตามที่เขามีให้ กินแล้วร่างกายอุ่นดี เหมาะกับวันหนาวๆ
แถวบ้านอีกร้าน บอก ” เอาแต่เส้นบะหมี่กับผักได้ไหม? ” เขาก็จัดมาให้ มังสวิรัติร้านก๋วยเตี๋ยวนี่ง่ายที่สุดจริงๆ
ประสบการณ์การกินมังสวิรัติในร้านสุกี้ และการเปลี่ยนแปลงจากสุกี้เนื้อสัตว์มาสู่สุกี้มังสวิรัติ
การกินมังสวิรัติในร้านสุกี้ ถือเป็นด่านที่ค่อนข้างง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่หัดกินมังสวิรัติใหม่ๆ หากมีเพื่อนหรือครอบครัวนัดกันไปกินสุกี้ เราก็สบายใจได้เลยว่ามื้อนี้จะรอดไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เราจะมาลองแชร์ประสบการณ์กินมังสวิรัติในร้านสุกี้กัน
ไปครั้งนี้สั่งไม่เยอะ ไม่หลากหลายเท่าไรนัก เพราะไปกับพ่อสองคน ร้านสุกี้มักจะเป็นร้านที่เรานั่งกินกันตามประสาพ่อลูกเป็นประจำ กินกันมาตั้งแต่ยังไม่กินมังสวิรัติจนตอนนี้เปลี่ยนมากินมังสวิรัติ …ก็จะขอแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการสั่งอาหารไว้ในบทความนี้ด้วย
เมื่อมาถึงร้านสุกี้ เราก็มักจะเปิดเมนูสั่งผักกันก่อน ถ้าเราไม่คิดมากก็กินแต่ผักก็ได้ มีผักให้เลือกมากมายหลายหน้าตา มีรสชาติและรสสัมผัสต่างกันไป เราสามารถสั่งผักแยกตามที่ชอบกิน หรือจะสั่งเป็นชุดรวมก็ได้หากมาเป็นกลุ่มใหญ่ ขึ้นชื่อว่าผักมาเท่าไหร่เราก็กินเรียบ
วิธีการกินผักให้มีความสุข คือ เราควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับผักแต่ละชนิดว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง มีวิตามิน มีคุณค่าทางอาหารแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการรู้ประโยชน์นั้นจะทำให้เรากินผักอย่างมีความสุข เพราะรู้ถึงคุณค่าในผักแต่ละชนิดที่กิน และยังสามารถรู้ไว้ประเมินธาตุอาหารที่จะได้รับได้อีกด้วย เมนูผักที่สั่งเป็นประจำก็จะมี ผักบุ้ง ผักกาดขาว สาหร่ายวากาเมะ ส่วนรูปทางขวาบน คือ ปวยเล้ง ไม่ได้สั่งประจำสักเท่าไรนัก
ด้านขวาล่างคือ คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย ชาวมังสวิรัติอาจจะคิดไปว่า เอ๊ะ! จานนี้มีน้ำมันหอยนี่นา …อย่าเพิ่งใจร้อนตัดสินกันไป เพราะกว่าจะมาถึงจานนี้มันมีที่มาที่ไป ลองมาอ่านกันเลย….
แต่ก่อนเวลากินกับพ่อจะสั่งเป็ดย่างเป็นประจำ แต่เมื่อเราหันมากินมังสวิรัติ ในช่วงแรกนั้นก็ยังสั่งเป็ดย่างมากิน แต่กินโดยที่ใจไม่ได้อยากกิน ไม่อร่อยแล้ว กินเป็นเพื่อนพ่อไป ต่อมาตั้งใจ ละเว้นเด็ดขาด แม้สั่งเป็ดย่างมาแต่ก็ไม่กิน สั่งเพื่อให้พ่อกินคนเดียว สุดท้ายก็ไม่หมด และเราก็ไม่ได้ช่วยกิน ปล่อยมันเหลือไว้อย่างนั้น จนพ่อบอกว่าครั้งหน้าไม่ต้องสั่งก็ได้ เราก็เลยเสนอว่า “ ครั้งหน้าเอาเป็น คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย ดีไหม?” เพราะว่าเรามักจะกินเป็ดย่างกับบะหมี่หยกกันเป็นประจำ ถ้ามันขาดไปคงจะเหงาไปหน่อย ซึ่งในตอนนี้ คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย เลยเป็นตัวแทนเป็ดย่างนั่นเอง เข้าสูตรการลด การกินเนื้อสัตว์แล้ว ส่วนจะพัฒนาไปอย่างไร ก็รอดูกันต่อไป
ถ้าเราสามารถละเว้นเนื้อสัตว์ได้สมบูรณ์แล้ว เราอาจจะอนุโลมเป็นกรณีไป ซึ่งต้องประมาณให้เกิดกุศล อย่าบ่อยจนเกินไป อย่างกรณีนี้เป็นคนในครอบครัว ซึ่งเราก็ไม่เคยไปบอกให้เขาหันมากินมังสวิรัติเหมือนเรานะ แค่ทำให้ดู กินให้ดู ไม่หันกลับไปอยากกินเนื้อสัตว์ ไม่ทำตัวไม่มั่นคง ให้เขาไขว้เขวว่ามังสวิรัติดีจริงรึเปล่า? ให้เขาสับสนว่าเลิกกินเนื้อสัตว์แล้วมีความสุขจริงหรือ? เราจะพูดแต่เรื่องดีๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ได้จากการกินมังสวิรัติ โดยไม่ต้องไปกดดัน บีบคั้น หรือไปบอกว่าคนกินเนื้อสัตว์เบียดเบียนอย่างไรให้เขาลำบากใจ
เชื่อไหมว่าเดี๋ยวเขาก็ตามมากินแบบเราเองนั่นแหละ อย่างน้อยเขาก็เห็นดีเห็นควรตามเรา แม้ว่าเขาจะสามารถกินมังสวิรัติได้เฉพาะเวลาร่วมโต๊ะกับเราก็ตาม แต่นั่นหมายถึงเราเปิดประตูและเชิญเขา เข้ามาสู่ชีวิตมังสวิรัติได้บ้างแล้ว เป็นกุศลมากพอแล้ว เพราะเรามีโอกาสจะสร้างชาวมังสวิรัติเพิ่มอีกหนึ่งคน ในทางกลับกันถ้าเราไปกดดัน บีบคั้น รังเกียจคนกินเนื้อสัตว์ อาจจะเผลอไปพูดทำร้ายจิตใจเขา จนเสียโอกาสที่จะเพิ่มชาวมังสวิรัติไปอีกคนหรือหลายคนเลยก็ได้ เพราะจริงๆแล้วคนเราติดยึดไม่เท่ากัน กว่าเราจะออกจากการเบียดเบียน กว่าจะเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ก็ใช้เวลากันนานพอสมควร …ดังนั้นการที่คนอื่นจะติดยึดในการกินเนื้อสัตว์ จะใช้เวลานานกว่าจะรู้ถึงผลเสีย จนถึงเนิ่นนานไปอีกกว่าจะเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก
มาต่อกันที่เมนูสุกี้มังสวิรัติ เราจะเพิ่มโปรตีนกันด้วยเต้าหู้ มีเต้าหู้มากมายให้เลือกสั่ง ที่ร้านสุกี้มักจะมีให้เลือกระหว่างเต้าหู้ไข่ กับเต้าหู้ธรรมดา ซึ่งน่าจะทำจากถั่วเป็นหลัก ใครอยากลองลดไข่ก็เริ่มจากสั่งเต้าหู้ถั่วเขียวไปก็ได้ เพราะกินไปก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก
ต่อกันที่เมนูเห็ด เลือกเห็ดมาสามชนิด คือ เห็ดฟาง เห็ดชิเมจิดำ เห็ดชิเมจิขาว คิดอะไรไม่ออกก็สั่งเห็ดนี่แหละ รวมๆแล้วแค่สั่งสามอย่างคือ ผัก เต้าหู้ เห็ด ให้หลากหลาย ก็มีของให้กินเต็มหม้อสุกี้แล้ว ไม่ต้องกลัวเลยว่าชาวมังสวิรัติจะต้องลำบากในร้านสุกี้ แม้ว่าเพื่อนๆ หรือผู้ร่วมโต๊ะจะกินเนื้อ เราก็กินมังสวิรัติของเราไปได้อย่างสบายใจ เพราะจิตใจเราไม่ได้อยากกินเนื้อ และไม่ได้รังเกียจคนที่กินเนื้อ เพราะเข้าใจดีว่าการเลิกกินเนื้อนั้นยาก ต้องใช้เวลา เราเข้าใจและเห็นใจ พร้อมทั้งยังให้อภัยที่พวกเขากินเนื้ออันมีส่วนในการเบียดเบียน และสุดท้ายเรานี่แหละคือตัวอย่างที่จะทำให้เขาเห็นว่ากินมังสวิรัติแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร
มาถึงสุดท้าย คือ แป้ง เป็นธาตุอาหารที่ขาดไม่ได้ของชาวมังสวิรัติ ตั้งแต่กินมังสวิรัติมา ไม่เคยลดแป้งเลย ไม่เคยงดข้าว ไม่เคยกินสลัดแทนข้าว (ยกเว้นว่าไปร้านสลัด) ข้าวนี่แหละจะทำให้เรามีแรง มีกำลัง ดังนั้นมากินสุกี้เราจึงสั่ง ข้าวสวย มาด้วยหนึ่งถ้วย เท่านั้นยังไม่พอ เรายังสั่ง เส้นอุด้ง มาด้วย เพื่อความหลากหลายในหม้อสุกี้ และที่ยังขาดไม่ได้คือ บะหมี่หยกราดน้ำเป็ด
อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ เรากำลังจะปรับสู่ การลด ละ เลิก ในระดับสังคม ดังนั้นการเอื้อให้ผู้อื่นบ้าง ให้เขาได้ทดลองกินมังสวิรัติด้วยความรู้สึกไม่ลำบากจนเกินไป เป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าเราไปบีบคั้น ด้วยข้อมูลมากมายว่ายังเหลือการเบียดเบียน กินเนื้อสัตว์ไม่ดี ฯลฯ อาจจะเรียกได้ว่าตึงจนเกินไป ซึ่งจริงๆแล้ว เราควรจะตึง หรือเคร่งกับตัวเองเท่านั้น และให้หย่อนกับคนอื่น ให้เมตตากับคนอื่นมากๆ มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ที่เขาจะไม่รู้ทุกข์ โทษ ภัย ผลเสียจากการเบียดเบียน เรามีหน้าที่เพียงแค่บอกข้อมูลด้วยเมตตา บอกไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ บอกเนื้อหาให้เหมาะกับเขา พอที่เขาจะรับได้ เข้าใจได้ ไม่ลำบากใจจนเกินไปเขารับได้ เขาสนใจก็ยินดีกับเขา เขาไม่รับไม่สนใจ เราก็วางใจ ปล่อยวางไป
วิธีการเพิ่มชาวมังสวิรัติก็ไม่ได้ยากอะไร แค่ทำตัวเองให้มั่นคงกับการกินมังสวิรัติ ไม่ย่อหย่อน หาข้ออ้างมากมายเพื่อที่จะได้กินเนื้อสัตว์อย่างสบายใจ ตัดเนื้อสัตว์ให้เด็ดขาด อย่าให้หลงเหลือแม้ความอยากในจิตใจ ให้เขาได้สงสัยในความตั้งใจของเรา ให้เขาเห็นสิ่งดีที่เกิดขึ้นจริงๆด้วยตัวเขาเอง ถ้าเราเชื่อในสัจจะว่าการไม่เบียดเบียนนำสุขมาให้ วันหนึ่งสิ่งนั้นจะแสดงผลของมันเอง และเมื่อเขาเห็นผล เข้าใจเหตุที่มาว่าทำไมจึงเกิดผลขึ้น ถึงวันนั้นเขาสนใจ เขาก็จะมากินมังสวิรัติตามเราเอง
พิซซ่าเห็ด
ไปร้านพิซซ่า ( Maria Pizzeria & Restaurant ) เขามี พิซซ่ามังสวิรัติ ให้เลือกกันหลายหน้านะ ราคาก็ถูกกว่าพิซซ่าหน้าเนื้อสัตว์ ปลา และอื่นๆอยู่เหมือนกัน
ร้านพิซซ่านี่เป็นทางออกของชาวมังสวิรัติที่ง่ายสำหรับสั่งเมนูมังสวิรัติโดยไม่ให้เพื่อนร่วมโต๊ะต้องลำบากใจ เพราะเราสามารถสั่งสองหน้าในถาดเดียวได้
ครึ่งหนึ่งก็เป็นเนื้อสัตว์ปกติตามที่เขาชอบ อีกครึ่งก็เป็นหน้าผัก เห็ด ชีส อะไรก็ว่าไป ตามที่เรากิน แบ่งกันง่ายๆแบบลงตัว ผ่านกันไปได้อีกมื้อ
ึความคิดเห็นล่าสุด