Tag: กินมังสวิรัติ

กินมังถวายในหลวง ทำดีให้พ่อดู

December 3, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,872 views 0

กินมังถวายในหลวง ทำดีให้พ่อดู

กินมังถวายในหลวง ทำดีให้พ่อดู

เนื่องในโอกาสวันพ่อที่กำลังจะถึงนี้ เป็นเวลาที่ดีที่คนไทยหลายคนอยากจะทำสิ่งที่ดี เราจึงนำทางเลือกหนึ่งของการทำดีมาเสนอ นั่นคือการกินมังสวิรัติ

เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะตั้งจิตตั้งใจทำประโยชน์เพื่อตัวเองและเป็นประโยชน์กับผู้อื่นโดยใช้วาระโอกาสของวันพ่อแห่งชาติเป็นแรงบันดาลใจให้ทำสิ่งดีนี้เพื่อในหลวง เพื่อตัวเรา และเพื่อสัตว์ทั้งหลาย

โดยที่เราจะเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ และทำต่อไปเรื่อยๆเท่าที่เราจะสามารถทำได้ แม้ว่าจะต้องแพ้พ่ายให้กับความอยากกินเนื้อสัตว์แต่ก็จะไม่ท้อถอยลุกขึ้นมาสู้ต่อไปเรื่อยๆ

เพื่อเป็นบุญกุศลแก่ตัวเอง แก่ในหลวง แก่ประเทศชาติ

๓.๑๒.๒๕๕๗
Veggie Kitchen

กินมังสวิรัติหลายคนดีกว่ากินคนเดียว

September 21, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,127 views 0

กินมังสวิรัติหลายคนดีกว่ากินคนเดียว

กินมังสวิรัติหลายคนดีกว่ากินคนเดียว

ขึ้นชื่อว่าการลดเนื้อกินผักก็เป็นความคิดที่ค่อนข้างทวนกระแสโลกอยู่แล้ว การกินมังสวิรัติ กินเจ ในทุกวันนี้ เป็นเพียงคนกลุ่มน้อยที่คิดจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างที่เขาเหล่านั้นคิดว่าเบียดเบียนตัวเองและคนอื่น

การสวนกระแสโลก คือไม่ไปกินเนื้อสัตว์ตามเขา ไม่เสพสุขจากเนื้อสัตว์ตามเขา ก็ถือว่าเป็นการท้าทายต่อกิเลส สวนกระแสกิเลส ที่เราต้องใช้ทั้งกำลังใจในการหักห้าม ขัดขืนกับพลังแห่งความอยาก และใช้พลังปัญญาพิจารณาผลเสียของการกินเนื้อสัตว์ และพิจารณาผลดีของการกินผัก พิจารณาไปซ้ำๆ จนกว่าจะเกิดความเข้าใจ จนกว่าจะเกิดศรัทธา เชื่อมั่นในคุณค่าแห่งการลดเนื้อกินผัก

การสวนกระแสกิเลสนั้นยากยิ่งกว่าการเดินทวนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ดังนั้นการเดินคนเดียวอาจจะยากเกินไปสำหรับการเดินผ่ากระแสความอยากกินเนื้อสัตว์ที่หนักหน่วงรุนแรงและยังฝังรากลึกแน่นหนาในจิตใจ

คนที่หัดลดเนื้อกินผักจึงควรหาเพื่อน ครอบครัว หรือกลุ่มสังคมที่พากันกินมังสวิรัติ คอยแบ่งปันแนวคิด แบ่งปันเมนูอาหาร แบ่งปันวิธีการปรับตัว ร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ทำให้เราสามารถที่จะลดเนื้อกินผักได้อย่างยาวนานและยั่งยืนจนกระทั้งสามารถกินได้อย่างสมบูรณ์

เราอาจจะเริ่มจากเพื่อนสักคน ลองชวนกันกินสัก 1 วันในหนึ่งสัปดาห์ก่อน แล้วมาคุยกันว่าดีอย่างไร มีเมนูอาหารอะไรที่กินได้ อาหารแบบไหนที่พอจะกินไหว ร้านแบบไหนที่ควรไป ถ้าอยู่ในงานเลี้ยงต้องทำตัวอย่างไร การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จะทำให้เกิดปัญญาใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งจะเป็นทั้งเพื่อนผู้หาทางออกร่วมกัน เพื่อนผู้ตรวจสอบกัน เพื่อนผู้ที่พากันเจริญ

แต่ถ้ามีเราอยู่คนเดียว และสังคมรอบข้างต่างไม่เอาด้วย ก็ไม่เป็นไร เพราะสมัยนี้มีชุมชนออนไลน์มากมายที่จับกลุ่มกันส่งเสริมการกินมังสวิรัติ กินเจ เราก็เพียงแค่เข้ากลุ่มเหล่านั้น คอยอ่าน ถาม เรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์ ในกลุ่มที่มีความคิดเห็นไปในทาง ลด ละ เลิกการเบียดเบียนเหมือนกัน ก็จะสามารถพาตัวเราให้เจริญได้เช่นกัน

และถ้าได้รู้จักกับผู้ที่ลดเนื้อกินผัก กินมังสวิรัติได้อย่างมีความสุข หรือผู้ที่รู้วิธีการที่จะสามารถเข้าสู่ชีวิตมังสวิรัติได้อย่างยั่งยืนก็จะดีที่สุด เพราะสามารถที่จะศึกษาเรียนรู้กระบวนการ วิธี เคล็ดลับ ข้อปฏิบัติสู่การลดเนื้อสัตว์ ลดความอยากกินเนื้อสัตว์ ซึ่งไม่ใช่วิธีเพียงแค่กดข่มให้ความอยากผ่านพ้นไปเพียงวันข้ามวัน แต่เป็นวิธีที่จะลดความอยากได้อย่างยั่งยืน

ส่วนการฉายเดี่ยวกินคนเดียวนั้น ในทางปฏิบัติแล้วเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะพลังของกิเลสมักจะหาเหตุผลมาเกลี้ยกล่อมให้เราล้มเลิกอยู่เสมอ พลังของการกดข่ม อดทน ฝืนทนนั้นจะสามารถทนได้ในระยะหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายก็จะตบะแตก พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ว่า “มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นในการบรรลุธรรม” การบรรลุธรรมนั้นก็หมายถึงการที่เราสามารถเข้าถึงการลดเนื้อกินผัก การกินมังสวิรัติ ได้อย่างมีความสุข มีความสบายใจ มีปัญญานั่นเอง

เมื่อเห็นดังนี้แล้วว่าการรวมหมู่รวมกลุ่มจะทำให้เราเก่งขึ้น เจริญขึ้น เราก็ควรจะหาเพื่อนร่วมทาง ที่พร้อมจะพัฒนาไปสู่สิ่งดีๆร่วมกัน ไว้ใจกัน เชื่อใจกัน ยอมให้ตรวจสอบกันได้ ยอมให้วิจารณ์กันได้ ยอมให้สั่งสอนกันได้ ก็จะพากันเจริญอย่างแน่นอน

กินมังสวิรัติสัปดาห์ละเจ็ดวัน

September 18, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,932 views 0

กินมังสวิรัติสัปดาห์ละเจ็ดวัน

กินมังสวิรัติสัปดาห์ละเจ็ดวัน

กินมังสวิรัติ กลัวขาดสารอาหาร

September 18, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,246 views 0

กินมังสวิรัติ กลัวขาดสารอาหาร

กินมังสวิรัติ กลัวขาดสารอาหาร

หลายคนที่คิดจะมาลดเนื้อกินผัก กินมังสวิรัติ หรือกินเจ มักจะมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องของสารอาหารที่อาจจะขาดไปหากไม่ได้กินเนื้อสัตว์ เป็นความกังวลที่ทำให้ไม่มั่นใจในคุณค่าของการลดการเบียนเบียด ทำให้ลังเลสงสัย ซึ่งอาจจะกลายมาเป็นเหตุแห่งความกลัวที่กินมังสวิรัติอย่างจริงจัง

ความคลาดเคลื่อนของสารอาหารในหนึ่งจาน….

สารอาหารที่เราได้รับในแต่ละวันนั้น มีการคำนวณออกมาว่าต้องได้รับประมาณวันละเท่าไหร่ อาหารจานหนึ่งให้พลังงานเท่าไหร่ มีโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรตเท่าไหร่ ทั้งหมดนี้เป็นความรู้ที่อาจจะทำให้เราติดอยู่ในกับดักแห่งความกังวล

อาหารที่เรากินจานหนึ่งนั้น เขาคำนวณพลังงานมาจากปริมาณ แต่การที่เราจะได้พลังงานจากอาหารจานนั้นจริงๆ ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการย่อยและการดูดซึมของร่างกายเรา ไม่ใช่ว่าเรากินอาหารที่เขาว่ามี 100 กิโลแคลอรี่ แล้วมันจะได้ทั้ง 100 กิโลแคลอรี่

แต่การได้มาซึ่งพลังงานเหล่านั้น ต้องผ่านตั้งแต่ปากของเรา เราเคี้ยวมันละเอียดไหม ถ้าเคี้ยวไม่ละเอียดก็ต้องไปเป็นภาระของกระเพาะอาหารต่อ ถ้ากระเพาะย่อยไม่ไหวก็ส่งต่อไปที่ลำไส้ทั้งก้อนแบบนั้น แล้วอาหารที่ย่อยไม่สมบูรณ์ คิดหรือว่าจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากจะย่อยไม่เต็มที่แล้ว ยังเหลือกากอาหารที่เป็นชิ้นใหญ่ ส่งต่อไปสะสมเน่าในลำไส้ใหญ่อีก ทีนี้พอเริ่มเน่าก็เริ่มสร้างก๊าซ สร้างพิษ สร้างเชื้อโรคภายในร่างกายของเรานี่แหละ บางครั้งเราอาจจะเคยมีภาวะที่ขับถ่ายไม่ออกหลายวัน แล้วมีอาการครั่นเนื้อตัว ไม่สบายตัว ร้อน เป็นสิว ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความเป็นพิษในของเสียที่ย่อยไม่ดี ทำให้เหลือเศษชิ้นเนื้อในกากอาหารเยอะจนหมักหมมกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย เป็นพิษในที่สุด

แทนที่ร่างกายจะเอาพลังงานที่ได้จากการกินอาหารในมื้อนั้นมาสร้างพลังงาน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เต็มที่ แต่กลับต้องเอาพลังงานไปย่อยมากขึ้น เอาพลังงานไปขับพิษมากขึ้น สรุปแล้ว อาหารที่เรากินไป 100% นั้นนอกจากจะไม่ได้คุณค่า 100% แล้วยังต้องเอาคุณค่าที่ได้ส่วนหนึ่งไปยับยั้งผลเสียของอาหารที่เกิดจากการกินที่ไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะขาดสารอาหาร เพราะทุกวันนี้เราก็ไม่ได้ใช้สารอาหารที่เรากินอย่างเต็มที่กันอยู่แล้ว เรียกได้ว่ากินไป 100% แต่ใช้กันจริงก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นเสียไปเปล่าๆจากกระบวนการย่อยที่ไม่มีประสิทธิภาพและกระบวนการต่อต้านความเป็นพิษภายในร่างกาย

โปรตีนที่ทดแทน….

ปัญหาที่มากที่สุดในการกินมังสวิรัติคือเรื่องของโปรตีน เรามักจะกังวลว่าจะขาดโปรตีนที่พืชผักไม่มีแต่เนื้อสัตว์มี ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างเราก็สามารถดำรงชีวิตอย่างแข็งแรงได้ มีคนหลายคนในโลกที่มีบทบาทสำคัญในแต่ละยุคสมัยก็ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ แต่ชีวิตเขาก็ยังสร้างคุณค่าให้กับสังคมและโลกได้

การขาดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ได้หมายความว่าเราจะอ่อนแอ หรือเจ็บป่วยง่าย ในทางกลับกัน ผู้คนที่มากินโปรตีนจาก เต้าหู้ ถั่ว ธัญพืช กลับพบว่าสุขภาพของตนดีขึ้น แข็งแรงขึ้น เจ็บป่วยน้อยลง

เราอาจจะถูกกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์หลอกเราอยู่ก็ได้ ว่าเนื้อสัตว์ดี เนื้อสัตว์มีประโยชน์ กินเนื้อสัตว์แล้วฉลาด ซึ่งขัดกับที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า การเบียดเบียนทำให้มีโรคมากและอายุสั้น ดังนั้น เราจะเชื่อใครก็ลองพิจารณาใคร่ครวญกันให้ดีๆ

ความหิวที่มาเยือน และแรงที่หายไป….

คนที่หันมาลดเนื้อกินผัก กินมังสวิรัติ กินเจ นั้นอาจจะเจอกับปัญหาเรื่องของพลังงานและความหิว ในส่วนของความหิวหรือการหลั่งน้ำย่อย ส่วนใหญ่เป็นสภาวะที่ร่างกายของเราจำได้ว่าเวลานั้นเวลานี้ควรหลั่งน้ำย่อยออกมา แต่ก่อนเราเคยกินเนื้อ เขาก็หลั่งน้ำย่อยมาให้พอย่อยเนื้อ แต่พอเราหันมากินผัก ร่างกายจะไม่สามารถปรับตัวตามเราได้ทันที เขาจะยังหลั่งน้ำย่อยออกมาในปริมาณที่ย่อยเนื้อเหมือนเดิม แต่ถ้าผ่านไปสักระยะหนึ่ง ร่างกายจะปรับตัวให้หลั่งน้ำย่อยให้พอดีกับอาหารที่เป็นผักที่เรากินเอง

ดังนั้นเมื่อเราอดทน บังคับจิตใจไม่ให้กินจุบจิบ กินแต่ในมื้อ ไม่กินนอกมื้อ จะทำให้ร่างกายของเราปรับตัวได้รวดเร็วขึ้น เพราะเราบังคับร่างกายไม่ได้ บังคับไม่ให้มันหลั่งหรือไม่หลั่งน้ำย่อยไม่ได้ แต่เราสามารถบังคับจิตใจของเราไม่ให้ไปกินได้ แม้น้ำย่อยจะหลั่งออกมา แต่ถ้าไม่ได้ถูกใช้ย่อยอะไร เขาก็จะมีกระบวนการดึงกลับของเขาเอง บางครั้งเราอาจจะเคยพบเหตุการณ์ในลักษณะที่ว่า หิวจนไม่หิวแล้ว นั่นคือร่างกายเขาดึงน้ำย่อยกลับไปแล้วนั่นเอง

สำหรับคนที่รู้สึกว่าลดเนื้อกินผัก กินมังสวิรัติ กินเจ แล้วไม่มีแรง กินแล้วไม่อยู่ท้อง ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเคี้ยวไม่ละเอียดทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยและดึงคุณค่าไปใช้ได้อย่างเต็มที่ และอาจจะเพราะเราขาดโปรตีนจากถั่วและธัญพืช ถ้าเราทำอาหารเอง เราก็อาจจะใช้ถั่วต้ม เป็นเมนูปิดท้าย โดยใช้ถั่วที่หาได้ง่าย เช่นถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ฯลฯ ก็จะสามารถทำให้อยู่ท้อง ไม่หิวง่าย และมีกำลังในการทำงานได้เหมือนคนปกติ

พยายามหลีกเลี่ยงถั่วทอด หรือถั่วที่ปรุงรสจัด เพราะบางครั้งเราอาจจะได้สารอาหารส่วนเกินที่ไม่จำเป็นเช่น ไขมัน เครื่องปรุงรสที่เป็นส่วนเกิน ทำให้ร่างกายต้องเสียพลังงานส่วนหนึ่งในการขับออก แทนที่จะได้พลังงาน กลับกลายเป็นเสียพลังงานแทนก็ได้

เคร่ง หรือ เครียด

September 10, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,892 views 0

เคร่ง หรือ เครียด

เคร่ง หรือ เครียด

การที่คนเราจะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จากที่เคยกินเนื้อ มาเรียนรู้การลดเนื้อกินผัก กินมังสวิรัติ กินเจ ก็เป็นความคิดที่ผิดแปลกไปจากสังคมส่วนใหญ่ในทุกวันนี้อยู่แล้ว โดยส่วนมากก็มักจะถูกมองว่าเป็นคนใจบุญ เคร่งศีล หรือเคร่งเครียด ก็ว่ากันไปตามแต่ใครจะแสดงท่าทีอย่างไรออกมา

ในสภาพความเป็นจริงนั้น ผู้ที่สามารถลดเนื้อกินผักได้บ้างแล้ว เขาจะอยู่ในสภาพที่เรียกว่า “ เคร่ง ” คือเคร่งครัดในวินัย ในศีล ในตบะที่ตัวเองถือ คือจะมีข้อจำกัดหลายๆอย่างที่จะไม่กลับไปเสพเนื้อสัตว์ให้ตัวเองได้เป็นทุกข์ ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เบียดเบียนผู้อื่น แต่ถ้ามันเริ่มจะเข้าสู่ความลำบากจนเริ่มที่จะ “ เครียด ” ก็อาจจะวนกลับไปกินเพื่อลดความเครียดนั้นบ้าง

เคร่ง…

คำว่า เคร่ง นั้น เป็นลักษณะของการ เคร่งในตัวเอง เอาจริงเอาจัง กวดขันในวินัยของตัวเอง เช่น พระที่เคร่งศีล คือ ท่านก็มีวินัย กวดขันในตัวของท่าน ตั้งใจตั้งมั่นในตัวเอง มีความตั้งใจที่จะลด ละ เลิกสิ่งไม่ดี ลด ละ เลิกสิ่งที่เบียดเบียนเท่าที่จะทำได้อย่างไม่ลดละความพยายาม แม้จะต้องแพ้กิเลสตัวเองกลับไปเสพบ้าง แต่ก็จะตั้งหลักกลับมาสู้กับความอยากนั้นๆต่อไป อย่างไม่ลดละ

ซึ่งตรงข้ามกับความเหลาะแหละ ความหละหลวม ความประมาท คือผู้ที่ไม่เคร่ง ก็จะไม่ใส่ใจ ไม่เอาจริงเอาจัง กินเนื้อบ้าง กินผักบ้าง ไม่จริงจัง พอใครถามก็มักจะบอกว่าไม่เคร่ง เป็นต้น

ผู้ที่ไม่เคร่งนั้น คือผู้ที่ยังไม่เห็นประโยชน์ในการลดเนื้อกินผักเท่าใดนัก และยังไม่เห็นทุกข์ โทษ ภัย จากการเบียดเบียนจนกระทั่งทุกข์ที่เกิดจากวิบากกรรมของกิเลสเหล่านั้น ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ประมาท เพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม ทำให้ชีวิตต้องได้รับวิบากกรรมจากการที่ยังเบียดเบียนอยู่ คือ มีโรคมาก อายุสั้น เป็นอยู่ไม่ผาสุก

เครียด…

ส่วนคำว่า เครียด นั้น เป็นลักษณะของความจริงจังจนเกินพอดี อาจจะมีผลแค่ภายในจิตใจตัวเอง คือ เคร่งจนเครียด จนเป็นทุกข์ เช่น เราตั้งใจจะลดเนื้อสัตว์ใหญ่คือเนื้อวัว และด้วยความที่เราชอบสเต็กมาก เรากินมาตลอด แต่หลังจากตั้งใจมาลดเนื้อกินผักแล้ว เราก็เลี่ยงมาตลอด จนกระทั่งความอยากที่อยู่ในใจมันถึงขีดจำกัด เราไม่มีพลังทนความอยากกินเนื้อวัวอีกต่อไป แต่เราก็ยังจะฝืนทน ก็จะทำให้เกิดความเครียด ความทุกข์ ความหดหู่ กระวนกระวายใจ ทรมาน เริ่มรู้สึกว่าทุกข์จากการอดเนื้อวัวนั้นจะมากกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้าไปทุกที สุดท้ายเมื่อวางความยึดมั่นถือมั่นไม่เป็น วางความยึดดีไม่เป็น ก็จะตบะแตก กลับไปกินเนื้อวัว โดยอาจไม่คิดที่จะกลับไปลดเนื้ออีกเลย เพราะขยาดกับความทรมานจากทุกข์ที่ได้รับเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ต้องอดกลั้น ไม่ได้กิน

เมื่อเรามาลดเนื้อกินผักในช่วงเริ่มต้นนั้น เรามักจะใช้อุดมคติเป็นตัวตั้ง คือ เราไปเห็นเขาฆ่าสัตว์ เห็นความโหดร้ายในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ เห็นความทรมาน เห็นความทุกข์จากโรคภัยที่เกิดจากเนื้อสัตว์ กระทั่งว่าเห็นความทุกข์ที่เกิดจากกิเลส พอเห็นดังนั้นก็คิดอยากจะเลิกกินเนื้อสัตว์ทั้งชีวิตตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นไปเลย แต่แม้จะคิดได้เช่นนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถหลุดออกจากนรก คือความอยากกินเนื้อสัตว์ได้ทันที อย่างที่ใจคิดฝัน

ผู้สนใจหันมาลดเนื้อกินผัก ต้องประมาณกำลังของตัวเองว่าเราจะสามารถลดได้ในระดับไหน ที่รู้สึกว่าตนเองพอทำไหว คือไม่ให้หย่อนจนไม่เจริญ และไม่ให้ตึงจนกระทั่งทำไม่ได้ ลำบาก ทรมานมากเกินไป เมื่อตั้งระดับในการลด ละ เลิกได้พอสมควรแล้วก็ให้ดำเนินชีวิตไปตามเป้าหมาย โดยพยายามประคองไม่ให้เครียดจนเกินไปนัก และเมื่อรู้สึกว่าสามารถเลิกกินสัตว์ใหญ่ได้แล้วก็ไม่รอช้า ปรับเข้ามาสู่การลดเนื้อสัตว์เล็กต่อ จนกระทั่งเลิกกินเนื้อสัตว์ เก่งขึ้นไปอีกก็กินจืด ลดมื้อของอาหารลง ลดชนิดของอาหารลง ตามลำดับ

เคร่งจนพากันเครียด…

บางครั้งความเคร่งหรือความเครียดก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเราเท่านั้น ผู้ที่สามารถลดเนื้อกินผัก กินมังสวิรัติ กินเจ บางท่านเมื่อทำได้บ้างแล้วก็จะมีความมั่นใจจึงมีความเคร่งในตัวเอง และยังเผื่อแผ่ความเคร่งของตัวเองไปเคร่งกับคนรอบข้างอีกด้วย

เช่น แม่บ้านไปเรียนรู้เรื่องมังสวิรัติมาเกิดปัญญาเห็นโทษของการกินเนื้อ และตัวเองก็มีกำลังในการตัดเนื้อสัตว์อยู่ด้วยเพราะไม่ได้ติดในรสชาติ หรือรสอะไร ก็กลับมาทำอาหารมังสวิรัติให้ที่บ้านกิน ทีนี้พ่อบ้านและลูกๆ ยังมีกิเลส อยากกินเนื้อสัตว์อยู่ เขายังไม่ได้เห็นประโยชน์ในการออกจากเนื้อสัตว์ และไม่ได้เห็นทุกข์จากการยังกินเนื้อสัตว์ เขาจึงไม่เข้าใจว่ามังสวิรัติมีประโยชน์อย่างไร

แรกๆก็พอจะทนกันไปได้ด้วยความเกรงใจและเห็นดีกับแม่บ้านอยู่บ้าง เพราะแม่บ้านก็บอกว่าทำดี ทำบุญ ฯลฯ แต่ด้วยความอยากในจิตใจก็ทำให้เกิดความกดดัน ความเครียดขึ้นมา เพราะจริงๆก็ไม่ได้ชอบกินผักและยังอยากกินเนื้อทุกวัน เมื่อไม่มีเนื้อสัตว์ให้เสพเหมือนเดิม ก็จะทำให้เกิดทุกข์ จนกระทั่งอาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจกันขึ้นมาก็ได้

ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อเรามีความเคร่ง ก็ควรจะเคร่งคลุมอยู่ภายในตัวเองเท่านั้น ไม่ควรไปเคร่งกับคนอื่น เพราะถ้าเขาเห็นว่าดี เขาก็จะกินเอง ไม่ต้องไปบังคับหรือกดดันอะไรเลย เราก็กินของเราไป เคร่งของเราไปคนเดียว เครียดไปคนเดียว อย่าให้ความติดดี ยึดดี ถือดี ไปทำร้ายคนอื่น

เช่น เราเป็นคนทำอาหารหรือซื้ออาหารให้ครอบครัวกิน เราก็ยังทำหรือซื้อให้เขากินตามที่เขาชอบเหมือนเดิม แต่เราก็ทำหรือซื้อในแบบที่เรากินมาต่างหาก เราก็ได้นั่งร่วมโต๊ะกันเหมือนเดิม ครอบครัวก็ยังเป็นสุขอยู่เหมือนเดิม และยังได้ลดเนื้อกินผักอยู่เหมือนเดิม เพราะปากใครก็ปากใคร ท้องใครก็ท้องใคร กรรมใครก็กรรมใคร ก็แล้วแต่เขาจะเลือกเอง ถ้าเขาเห็นว่ามีประโยชน์ เขาก็จะบอกเองว่าอยากกินแบบเรา ให้เราทำอาหารมังสวิรัติให้ ให้เราแนะนำความรู้ให้ เป็นต้น

ฉันกินมังสวิรัติ ฉันมีความสุข

August 30, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,998 views 0

ฉันกินมังสวิรัติ ฉันมีความสุข

ฉันกินมังสวิรัติ ฉันมีความสุข

กินมังสวิรัติ อยู่ในสังคมยาก?

August 23, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,190 views 0

กินมังสวิรัติ อยู่ในสังคมยาก?

กินมังสวิรัติ อยู่ในสังคมยาก?

การเข้าสังคมเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาหนึ่งของผู้ที่เริ่มต้นกินมังสวิรัติ ถึงแม้ว่าบางคนจะกินมานานแล้วก็อาจจะยังไม่สามารถผ่านพ้นปัญหานี้ได้

เมื่อเราสามารถละเว้นการกินเนื้อสัตว์ หันมากินผักได้สักพักแล้ว จะเริ่มมีปฏิกิริยาจากสังคมรอบข้าง ทั้งในด้านคำชมและด้านทักท้วงนินทา เขาอาจจะชมเรามากมายว่าเป็นคนดี ดูดี สุขภาพดี สดใส ฯลฯ แต่ก็มักจะมีคำท้วงติงหรือนินทาเข้ามาพร้อมๆกัน เช่น ลำบากไปไหม ยุ่งยากไหม ผอมไปนะ โทรมไปนะ มันจะเกินไปนะ และอีกมากมายที่เราก็น่าจะเจอด้วยตัวเอง

ทั้งคำติชม สรรเสริญนินทาเหล่านั้น ล้วนเป็นพลังจากสิ่งรอบข้างที่เข้ามาสร้างความหวั่นไหวในจิตใจของเรา ถ้าเขาชมเราแล้วเราดีใจ ใจฟู เราก็ยังติดคำชมอยู่ ซึ่งทำให้ในขณะเดียวกันเมื่อเขาท้วงติงหรือพูดไม่ถูกใจเราก็อาจจะทำให้เราไขว้เขว หรือโกรธ ไม่พอใจเขาก็ได้

การหันมากินมังสวิรัติ ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดทางด้านร่างกายและสังคมไม่มากก็น้อย การกินมังสวิรัตินั้นไม่ได้ทำให้อยู่ในสังคมยาก แต่ความจริงคือมันยากที่จะสู้กับความอยากของตัวเองที่จะกลับไปกินเนื้อสัตว์ เพราะในระหว่างที่เรายังข้ามไม่พ้นสะพานไปสู่ชีวิตมังสวิรัตินี้ ก็จะมีบางสิ่งคอยดึง ฉุดรั้งเราไว้ให้อยู่ฝั่งเนื้อสัตว์ ให้กลับไปกิน ไปเสพเนื้อสัตว์ ให้เรารู้สึกว่าการกินมังสวิรัตินั้นยากลำบาก ทรมานกาย ลำบากในการเข้าสังคม

ในความจริงแล้ว การกินมังสวิรัติ นั้นไม่ได้ทำให้สังคมลำบากเลย ถ้าเรากินอย่างมีปัญญารู้จักเอาตัวรอด ไม่สร้างปัญหาให้คนอื่น สังคมเขามีแต่จะยินดีกับเราด้วยที่เราละเว้นเนื้อสัตว์ เราทำเรื่องดี ใครเขาก็เห็นดีด้วยอยากส่งเสริมอยากสนับสนุน

มีแต่จิตใจของเราเองนั่นแหละที่คิดไปเองว่ามันจะลำบากใจ สร้างความลำบากให้กับคนอื่น ปรับตัวในสังคมยาก ใช้ชีวิตยาก เพราะเราไม่ได้ศึกษาหาวิธีการกินมังสวิรัติอย่างยั่งยืนและมีความสุข ไม่มีเพื่อนร่วมลดเนื้อกินผัก ไม่มีผู้รู้คอยแนะนำการใช้ชีวิตมังสวิรัติอย่างมีความสุข มีแต่ความรู้ว่ากินเนื้อสัตว์ไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าจะกินมังสวิรัติอย่างไรให้ยั่งยืน

ดังนั้นผู้ที่คิดจะกินมังสวิรัติจึงต้องคอยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิธีการกินมังสวิรัติ การใช้ชีวิต การเอาตัวรอดในสังคม การอยู่ในสังคมอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จนกระทั่งสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้ที่ยังกินเนื้อสัตว์ได้อย่างมีความสุข โดยที่ตัวเองก็สามารถละเว้นเนื้อกินแต่พืชผักได้อย่างไม่มีตกหล่น