Tag: ลดเนื้อกินผัก
น้ำซุปกินได้ไหม?
น้ำซุปกินได้ไหม?
น้ำซุปกับชาวมังฯ นั้นดูจะเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ที่หลายคนสงสัยว่ากินได้ไหม? แน่นอนว่าน้ำซุปส่วนมากประกอบด้วยกระดูกสัตว์ และส่วนประกอบอื่นๆของสัตว์ต่างๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เรา “ รู้กันดี ” อยู่แล้ว ดังนั้นหากจะบอกว่ามันเป็นมังสวิรัติไหม ก็คงไม่ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดกันหน่อย
การกินมังสวิรัติได้ทันทีนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถลบบาปที่เคยทำมาตั้งแต่อดีตก่อนที่จะมากินมังสวิรัติได้ และน้อยคนนักที่จะสามารถหันมากินมังสวิรัติได้อย่างเต็มตัวในทันที การกินมังสวิรัตินั้นต้องค่อยๆพัฒนา เหมือนเด็กทารก หัดคลาน หัดยืน หัดเดิน จนกระทั่งวิ่งได้ ดังนั้นเราจึงมีกระบวนการที่เรียกว่า การลด ละ เลิก คือลดเนื้อสัตว์หันมากินผัก
ลองจินตนาการดูว่าถ้าทุกคนในบ้าน ชุมชน ประเทศ หรือในโลก เลิกกินเนื้อเป็นชิ้นๆ แล้วอุตสาหกรรมผลิตเนื้อสัตว์จะเป็นอย่างไร? ในเมื่อไม่มีการกินเนื้อเป็นชิ้นๆ แล้วยังจะมีการกินน้ำซุปจากกระดูกอีกหรือ? ในทำนองเดียวกันนั้นเอง เราจึงควรมุ่งเน้นในการลดการเบียดเบียนที่มากเสียก่อน แล้วค่อยมาทำสิ่งที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น คือลดเป็นลำดับๆไป
คนที่ตั้งใจกินมังสวิรัตินั้นเขาอาจจะไม่ได้อยากจะกินเนื้อสัตว์ แต่เพราะติดรสชาติของน้ำซุป หรืออยากมีน้ำซุปบ้าง อาจจะไม่รู้ว่าต้องสั่งอย่างไรบ้าง แต่ถ้าลดเนื้อเหลือแต่น้ำซุป ตรงนี้ก็เป็นการลดในขั้นที่ละเอียดกว่าในรูปแบบของชิ้นเนื้อทั่วไป เนื้อเป็นชิ้นๆเขาไม่กินแล้ว แต่เขายังเลิกบางอย่างไม่ได้เช่น น้ำซุป น้ำปลา กะปิ ไข่ ที่ประกอบอยู่ในอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาก็กำลังเพียรพยายามหาทาง ลด ละ เลิกต่อไป
ทีนี้คนที่มีความคิดในเชิงสมบูรณ์แบบ หรือ Perfectionist หรือเรียกง่ายๆ ว่าติดดี ก็จะมีความรู้สึกว่ามันไม่ดี ไม่งาม ไม่สมบูรณ์พร้อม จนตัวเองนั้นเป็นทุกข์เมื่อได้เห็นคนที่บอกว่ากินมังสวิรัติกินน้ำซุปที่ประกอบด้วยกระดูกสัตว์ น้ำปลา กะปิ ไข่ ฯลฯ ซึ่งทำให้เกิดนรก คือความเดือดเนื้อร้อนใจในจิตใจของตัวเอง เพราะคิดว่าตนเองทำได้แล้ว คนอื่นเขาจะต้องทำได้เหมือนตนเองมังสวิรัติมันต้องแบบนั้น มันต้องแบบนี้ถึงจะเรียกว่ามังสวิรัติ …สุดท้ายก็ทุกข์ไปคนเดียวนั่นแหละ
ซึ่งในความจริงมันเป็นแบบนั้นไม่ได้ หลายคนไม่ได้มีเหตุปัจจัยเอื้อให้กินมังสวิรัติได้สมบูรณ์แบบ ทั้งสังคม สภาพแวดล้อม และกิเลสของเขาเอง เขาก็มีกรรมเป็นของเขา แล้วเราไปยุ่งกับเขา เราก็มาทุกข์ อันนี้มันก็หาเรื่องให้ตัวเองปวดหัวกับเรื่องคนอื่นมากเกินไปหน่อย ดังนั้นใครเขาจะลดเนื้อกินผักลีลาไหนก็เรื่องของเขาเถอะ เอาเราให้สมบูรณ์ก็พอ อย่าไปหวังความสมบูรณ์แบบอะไรกับคนอื่นเลย
เพราะจากวันนี้จนถึงวันที่โลกแตกก็ยังมีคนกินเนื้ออยู่ดีนั่นแหละ แล้วเราจะไปเพ่งโทษคนที่เขาพยายามจะลดเนื้อกินผัก หรือไปเพ่งโทษคนที่พยายามจะทำดี แบบนี้ไม่เรียกหาเหาใส่หัวหรือ? เขาพยายามทำดีเท่าที่เขาจะทำได้ก็ดีแล้วนี่ ดีกว่าเขาหันไปกินเนื้อ ไม่สนใจที่จะลด ละ เลิกเลย
ความติดดีนี่แหละ จะทำให้คนหัดกินมังสวิรัติด้วยกันเอือมระอาต่อความสมบูรณ์แบบของเรา กลายเป็นเขาเลิกกินมังสวิรัติเพราะรำคาญความสมบูรณ์แบบที่เขายังไม่พร้อมจะทำ ปล่อยให้คนเก่งอย่างเรากินไปคนเดียว แล้วทีนี้เราทำลายคนที่ตั้งใจจะลดเนื้อกินผักไป มันจะมีค่าอะไร กับแค่คนเก่งคนเดียวที่กินมังสวิรัติได้สมบูรณ์แบบจะมีค่าอะไร เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่สามารถทำแค่ลดเนื้อแบบเป็นชิ้นๆได้ ผลรวมมันก็เบียดเบียนน้อยกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้นข้อสรุปที่ว่า น้ำซุปกินได้ไหม? ก็จะให้ความคิดเห็นว่า ถ้ามันลำบากใจ มากอยากกินมาก ก็กินไปเถอะ แต่ก็ให้พิจารณาโทษของมันไปเรื่อยๆ ว่ามีข้อเสียอย่างไร เบียดเบียนอย่างไร ถ้าวันหนึ่งมีกำลังใจ ตั้งใจจะเลิกเบียดเบียน ก็ลอง ลด ละ เลิกไปตามลำดับดู ให้แต่ละคนประมาณเอาเองว่าตัวเองไหวที่ระดับไหน ระดับไหนที่พอทำได้ ระดับไหนที่ฝืน ระดับไหนที่ทรมานมากเกินไป ก็ให้ประมาณกันให้พอดี ให้เหมาะกับพื้นฐานของแต่ละคน
อย่าเสียดาย (ภาคปฏิบัติ ณ ร้านก๋วยเตี๋ยว)
อย่าเสียดาย (ภาคปฏิบัติ ณ ร้านก๋วยเตี๋ยว)
อย่างที่เราได้เรียนรู้กันแล้วว่า ความเสียดายนั้น ทำให้เราไม่สามารถที่จะลดเนื้อกินผักได้อย่างราบรื่น เมื่อมีความเสียดายเกิดขึ้น ด้วยเหตุแห่งความอยากนั้น ก็จะทำให้เราวนกลับไปกินเนื้อสัตว์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะพยายามหนีออกมาเท่าไหร่ แต่เมื่อใจยังเสียดายชิ้นเนื้อที่อยู่ตรงหน้า ก็ยากจะผ่านแบบทดสอบนี้ไปได้
ในตอนนี้จะขอเล่าไปถึงเรื่องราวของคนที่ใช้ชีวิตในเมืองคนหนึ่ง ในสมัยที่เธอยังหัดกินมังสวิรัติใหม่ๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนเที่ยงวันหนึ่ง ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เธอตั้งใจจะลดเนื้อกินผัก แต่ก็ยังไม่ข้ามพ้นด่านของความเกรงใจ จึงกังวลใจไปเองว่า ถ้าสั่งแต่เส้นกับผักทางร้านจะไม่ได้กำไร จึงสั่งก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นมา
ในชามก๋วยเตี๋ยวมีลูกชิ้นอยู่ 6 ลูก เธอแบ่งลูกชิ้นให้กับเพื่อนร่วมโต๊ะ เพราะตั้งใจจะ “ลด” การเสพเนื้อสัตว์ โดยแบ่งออกไปให้เพื่อนร่วมโต๊ะที่ยังกินเนื้อสัตว์ 4 ลูก จึงเหลือในชามของเธอเอง 2 ลูก
ในขณะนั้นเอง ด้วยเหตุที่เธอได้ศึกษาศาสนาพุทธมาบ้าง ฟังธรรมบ้าง ทบทวนธรรมบ้าง ตรึกตรองใคร่ครวญธรรมบ้าง จึงได้เกิดระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า “ บาปแม้น้อยนิด อย่าทำเสียเลยดีกว่า ” เมื่อนึกได้ดังนั้นแล้ว ใจจึงเกิด หิริ คือความละอายต่อบาป และ โอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อบาปนั้น
เมื่อเกิดความละอายและเกรงกลัวต่อบาป เวรภัย ของการครองความอยากหรือกิเลสนั้นอยู่ ก็ได้มีความคิดขึ้นว่า แบ่งลูกชิ้นให้เพื่อนหมดเลยเสียดีกว่า ว่าแล้วเธอก็ได้สละลูกชิ้นทั้งหมดให้เพื่อนไป จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนาจากฐานของการ ”ลด” มาเป็นฐานของการ “ละ” ซึ่งเกิดได้จากการที่เธอนำเอาธรรมะเข้ามาพิจารณาร่วมในชีวิตประจำวันด้วย จึงทำให้การกินมังสวิรัติพัฒนาและเจริญขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
และเมื่อตกเย็น เธอก็ได้ไปซื้อของที่ตลาดสด ตั้งใจไว้ว่าจะซื้อแค่ถั่วลันเตา แต่พอซื้อแม่ค้าก็แถมเห็ดให้ด้วย เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นถึงอานิสงส์ของการสละลูกชิ้นได้อย่างชัดเจน เมื่อสละกิเลส คือความอยากกินลูกชิ้นนั้นออกจากใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับลูกชิ้นกลับมาเสมอไป อาจจะเป็นเห็ดก็ได้ อาจจะเป็นรอยยิ้มก็ได้ อาจจะเป็นความรู้สึกดีๆก็ได้ อาจจะเป็นอะไรก็ได้ เพราะผลของกรรมเป็นเรื่องอจินไตยคาดเดาไม่ได้ แต่เรื่องที่รู้ได้แน่ชัดคือ เธอข้ามผ่านด่านของกิเลสไปอีกขั้น เจริญขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อเราข้ามพ้นความเสียดายเนื้อสัตว์เหล่านั้น ก็จะมีสิ่งที่ดีกว่าอยู่ข้างหน้าเสมอ อย่างน้อยๆก็จะไม่ต้องเจอกับความทุกข์ใจที่ต้องแบกความอยาก ความเสียดายเหล่านั้นเอาไว้อีกต่อไป เพียงแค่นั้นก็สุขมากพอที่จะยอมทิ้งความเสียดายเหล่านั้นแล้ว
แบ่งปันประสบการณ์ ลดเนื้อกินผัก ร้านสเต็ก
แบ่งปันประสบการณ์ ลดเนื้อกินผัก ร้านสเต็ก
เมื่อวานก่อนก็เพิ่งจะโพสเมนูอาหารเกี่ยวกับการหากินผักลดเนื้อกันที่ร้านสเต็ก แล้วเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ครอบครัวก็พากันไปกินข้าวกลางวัน กันที่ร้านสเต็กราคาประหยัด ซึ่งในปัจจุบันมีร้านสเต็กแบบนี้อยู่มากมายและราคาก็ไม่แพง ดังนั้นการที่ครอบครัว เพื่อนฝูง คนรัก จะชวนกันไปกินสเต็กก็เลยกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นประจำ
แน่นอนว่าชาวมังสวิรัติส่วนใหญ่ก็มักจะเบือนหน้าหนีร้านสเต็กซึ่งมีทีเด็ดเป็นเนื้อสัตว์ แต่ด้วยความที่ญาติมิตรสหายของเรา เขาเหล่านั้นยังไม่สามารถเข้าใจและหันมากินมังสวิรัติได้อย่างเรา เราจึงต้องอนุโลมไปกินกับเขาบ้าง เพื่อประโยชน์อื่นๆที่มากกว่า เช่นในด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว ในด้านสังคม หน้าที่การงาน ฯลฯ
การอนุโลมหรือไปกินกับเขานี้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปกินเนื้อกับเขา แต่หมายถึงว่าเราจะไปกินร่วมมื้อนี้กับเขาเท่านั้น เราร่วมโต๊ะ แต่เราไม่ได้ร่วมกินกับเขา ชาวมังสวิรัติจึงต้องศึกษาและหาเมนูผักกันไว้ เพื่อเอาตัวรอดจากดงเนื้อสัตว์นี้ไปให้ได้ โดยที่ยังมีความสุขกับการกินผักท่ามกลาง กลิ่นเนื้อสัตว์ที่ตัวเองเคยยึด เคยหลงติด หลงเสพ หรือแม้แต่เกลียดชังกลิ่นเนื้อสัตว์ก็ตาม
การศึกษาเมนูอาหารไว้บ้าง จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างให้กับตัวเองว่า ไม่อยากเรื่องมาก,ไม่รู้จะกินอะไร,อาหารมังฯหากินยาก ฯลฯ การสั่งอาหารที่ไม่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ สั่งแต่อาหารที่มีผัก อย่างมั่นใจ แสดงให้เพื่อนร่วมโต๊ะได้เห็นว่าชาวมังสวิรัติอย่างเราสามารถเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ จะทำให้คนรอบข้างไม่รู้สึกลำบากใจ และยินดีที่จะกินร่วมกับเรา เพราะเราเอาตัวรอดเองได้ ไม่เป็นภาระ ไม่จำเป็นต้องเอาใจเรา
และการกระทำเหล่านี้จะยิ่งยืนยันคุณค่าของการกินมังสวิรัติให้เขาเห็นว่าเป็นสิ่งดี สิ่งเยี่ยม ไม่ใช่ว่ารวมญาติทีหนึ่งก็กินเนื้อทีหนึ่ง นัดเลี้ยงเพื่อนทีหนึ่งก็ไปกินเนื้อกับเขาอีกทีหนึ่ง …อันนี้มันก็ทำได้ แต่มันจะไม่ขลัง เวลาไปบอกใครว่ามังสวิรัติดี มันจะพูดไม่เต็มปาก ถึงจะพูดอย่างมั่นใจเขาก็ไม่เชื่อ เพราะเราไม่ได้กระทำอย่างที่พูดได้จริง
เกริ่นกันมานาน มาเข้าเรื่องกันเลย เมื่อมาถึงร้านเราก็ต้องศึกษาเมนูอาหาร พยายามมองหาเมนู ที่พอจะกินได้และทำให้อิ่มท้อง ในราคาที่เหมาะสม และคุณค่าที่คู่ควร …
เมนูชามแรกคือ ซุปเห็ด ชามนี้ไม่ได้สั่งมาเอง แต่พี่เป็นคนสั่ง เราเลยได้กินด้วย ตอนแรกก็มองข้ามซุปเห็ดไปเลย จริงๆพวกซุปแป้งพวกนี้แหละ ทำให้อิ่มท้องได้ดีนัก เพราะมีทั้งแป้งและไขมัน บางทีคิดว่าจะเอามากินรองท้อง กินไปกินมาก็อิ่มได้เหมือนกันนะ
ชามที่สองคือ มันบด เป็นอาหารกินเล่น กินง่ายๆ ตัวน้ำเกรวี่ก็คงจะไม่เรียกว่ามังสวิรัติ แต่ถ้าเราลองคิดดูว่า เราลดเนื้อสัตว์เป็นชิ้นๆ เหลือแค่มันบดได้ มันจะสามารถลดการเบียดเบียนได้ขนาดไหน แล้วถ้าทุกคนกินมันบดแทนสเต็กได้ จะรักษาชีวิตสัตว์ได้ขนาดไหน นี่แค่ขั้นลดนะ ใครยังไม่เก่งก็ลดให้ได้ก่อน เก่งๆ ค่อยละ ค่อยเลิก กันไปตามลำดับ
จานต่อมาเป็น ขนมปังกระเทียมหน้าชีส คือร้านนี้เขามีแต่เมนูนี้ ขนมปังกระเทียมปกติที่ไม่มีชีส ไม่ได้เขียนไว้ เลยลองสั่งมาก่อน เมนูนี้ก็พาอิ่มได้เหมือนกัน ขนมปังนี่ก็ให้พลังงานได้ไว แถมยังมีชีสอีก ใครยังกินชีสอยู่ก็กินไป ใครไม่กินก็บอกเขาว่า…ขอไม่เอาได้ไหม? ถามเขาก่อน ถ้าเขายินดีทำให้เราก็รับ ถ้าเขาไม่ยินดีเราก็ไปสั่งอย่างอื่น
มาถึงชามที่ 4 เมนูสิ้นคิดของชาวมังสวิรัติเวลาไปร้านอาหารฝรั่งแล้วไม่รู้จะสั่งอะไร ถ้ามันหมดหนทาง หมดปัญญาแล้วจริงๆ เราจะเลือกสั่งแต่ มันฝรั่งทอด หรือ เฟรนช์ฟรายด์ มากินประชดชีวิตก็ได้ ให้มันรู้ไปว่าแม้จะมีแต่แป้งและไขมัน ฉันก็จะขอละเว้นเนื้อสัตว์ … แต่โลกมันก็คงไม่โหดร้ายขนาดนั้น ลองถามร้านเขาดูก็ได้ เขาอาจจะเสนอเมนูอะไรดีๆให้เราบ้างละนะ
ชามที่ 5 คือ สลัดผัก แม้จะกินในร้านอาหาร แต่สลัดชามนี้ราคาไม่แพงเลย ดีไม่ดีจะถูกกว่าซื้อสลัดตามตลาดนัดเสียอีก สลัดที่ไม่ใส่เนื้อสัตว์เลย ก็มักจะมีราคาถูกที่สุด นอกจะเราจะได้ละเว้นเนื้อสัตว์แล้ว เรายังละเว้นการจ่ายเงินที่มากเกินความจำเป็น ให้กับสิ่งที่เราไม่อยากกินอีกด้วย นั่นทำให้เราเกิดความประหยัดมากขึ้น
การกินแต่ผักก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่ต้องไปสน ไปกังวล ไปลำบากใจว่า เนื้อสัตว์ที่ประกอบมาในจานสลัดนั้น ไม่อร่อย ไม่สด ไม่กรอบ ไม่ดี อะไรก็ว่าไป พอเรากินแต่ผัก ชีวิตจะมีเรื่องให้คิดน้อยลงทันที
เมนูสุดท้าย คือ สปาเก็ตตี้ซอสเห็ด เป็นเมนูที่ดูจริงจังแม้ว่าพลังงานที่ได้นั้นอาจจะดูน้อยกว่า มันฝรั่งทอดซึ่งเป็นของกินเล่น สปาเก็ตตี้ก็จะมีแป้งเป็นหลัก มีไขมัน และโปรตีนจากเห็ดอีกนิดหน่อย แต่เราอย่าไปคิดมากเวลากินอาหารร่วมกับญาติมิตรสหาย แค่ไม่กินขนมปังเปล่าๆ หรือข้าวเปล่าก็ดีแล้ว เรื่องสารอาหารขอให้ลืมๆไปก่อน เอาไว้ไปกินเติมเองหลังมื้อนั้นๆ หรือไปทดแทนในมื้ออื่น ร่างกายขาดสารอาหารที่เราคิดว่าจำเป็นสักวันสองวันไม่เป็นอะไรหรอกนะ
…หมดแล้ว เมนูเท่าที่คิดได้ … ชาวมังสวิรัติ สั่งกินแค่สลัดผักกับสปาเก็ตตี้สักจานก็น่าจะอิ่มกันในราคาที่พอเหมาะแล้ว ส่วนของกินเล่นอื่นๆจะสั่งมาเติมกันไปบ้างก็ได้ ก็แล้วแต่ว่าใครจะอยากกินอะไรแค่นี้เราก็สามารถลดเนื้อกินผักในการกินอาหารมื้อหนึ่งที่ร้านสเต็กกันได้แล้ว
แนะนำตัวละคร : หมูเด็ก
แนะนำตัวการ์ตูนกันสักหน่อย เปิดตัวกันมาสักพักแล้ว เราก็มักจะเห็นหมูตัวหนึ่งในรูปของอาหารในหน้า Veggie Kitchen ของเราอยู่เสมอ ตัวการ์ตูนตัวนี้ มีชื่อเรียกว่า “หมูเด็ก”
หน้าตาปกติของหมูเด็กก็สามารถกดไปดูได้ที่ MonkiezGrove Cartoon Book พอเรามาทำเพจชวนกันกินอาหารลดเนื้อกินผัก ก็เลยเอาตัวละครเก่ามาปรับนิดปรับหน่อย เอาง่ายเข้าว่า แต่ไปๆมาๆ ก็คิดว่าลงตัว ด้วยอีกเหตุที่ว่า หมูก็เป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและเนื้อสัตว์ แต่หมูเด็กของเรานั้น ลด ละ เลิกการกินเนื้อ ชวนเพื่อนๆมากินผักกับเมนูอาหารแบบพืชผักที่หลากหลาย ไม่จำเจจนใจจำทน
เมื่อแน่ใจดีแล้วว่าหมูเด็กเหมาะสม (จริงๆก็ขี้เกียจคิดตัวการ์ตูนใหม่….) สุดท้ายก็จับหมูเด็กมาใส่หมวก ผูกผ้ากันเปื้อน และด้วยบุคลิกของตัวละครที่ดูเหมาะกับเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว จึงไม่ต้องปรับอะไรให้ยุ่งยาก ดูเข้ากับเนื้อหาอย่างดีจนดูเหมือนตัวการ์ตูนตัวนี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้…
ตอนนี้ก็คงได้เห็นหมูเด็กตัวอื่นๆ ในเพจของเรากันแล้ว เดี๋ยววันหลังจะเอามาแนะนำกันใหม่ เพราะคิดว่าคงจะมีงานการ์ตูนออกมาเรื่อยๆ
กินมังสวิรัติ อยู่ในสังคมยาก?
กินมังสวิรัติ อยู่ในสังคมยาก?
การเข้าสังคมเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาหนึ่งของผู้ที่เริ่มต้นกินมังสวิรัติ ถึงแม้ว่าบางคนจะกินมานานแล้วก็อาจจะยังไม่สามารถผ่านพ้นปัญหานี้ได้
เมื่อเราสามารถละเว้นการกินเนื้อสัตว์ หันมากินผักได้สักพักแล้ว จะเริ่มมีปฏิกิริยาจากสังคมรอบข้าง ทั้งในด้านคำชมและด้านทักท้วงนินทา เขาอาจจะชมเรามากมายว่าเป็นคนดี ดูดี สุขภาพดี สดใส ฯลฯ แต่ก็มักจะมีคำท้วงติงหรือนินทาเข้ามาพร้อมๆกัน เช่น ลำบากไปไหม ยุ่งยากไหม ผอมไปนะ โทรมไปนะ มันจะเกินไปนะ และอีกมากมายที่เราก็น่าจะเจอด้วยตัวเอง
ทั้งคำติชม สรรเสริญนินทาเหล่านั้น ล้วนเป็นพลังจากสิ่งรอบข้างที่เข้ามาสร้างความหวั่นไหวในจิตใจของเรา ถ้าเขาชมเราแล้วเราดีใจ ใจฟู เราก็ยังติดคำชมอยู่ ซึ่งทำให้ในขณะเดียวกันเมื่อเขาท้วงติงหรือพูดไม่ถูกใจเราก็อาจจะทำให้เราไขว้เขว หรือโกรธ ไม่พอใจเขาก็ได้
การหันมากินมังสวิรัติ ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดทางด้านร่างกายและสังคมไม่มากก็น้อย การกินมังสวิรัตินั้นไม่ได้ทำให้อยู่ในสังคมยาก แต่ความจริงคือมันยากที่จะสู้กับความอยากของตัวเองที่จะกลับไปกินเนื้อสัตว์ เพราะในระหว่างที่เรายังข้ามไม่พ้นสะพานไปสู่ชีวิตมังสวิรัตินี้ ก็จะมีบางสิ่งคอยดึง ฉุดรั้งเราไว้ให้อยู่ฝั่งเนื้อสัตว์ ให้กลับไปกิน ไปเสพเนื้อสัตว์ ให้เรารู้สึกว่าการกินมังสวิรัตินั้นยากลำบาก ทรมานกาย ลำบากในการเข้าสังคม
ในความจริงแล้ว การกินมังสวิรัติ นั้นไม่ได้ทำให้สังคมลำบากเลย ถ้าเรากินอย่างมีปัญญารู้จักเอาตัวรอด ไม่สร้างปัญหาให้คนอื่น สังคมเขามีแต่จะยินดีกับเราด้วยที่เราละเว้นเนื้อสัตว์ เราทำเรื่องดี ใครเขาก็เห็นดีด้วยอยากส่งเสริมอยากสนับสนุน
มีแต่จิตใจของเราเองนั่นแหละที่คิดไปเองว่ามันจะลำบากใจ สร้างความลำบากให้กับคนอื่น ปรับตัวในสังคมยาก ใช้ชีวิตยาก เพราะเราไม่ได้ศึกษาหาวิธีการกินมังสวิรัติอย่างยั่งยืนและมีความสุข ไม่มีเพื่อนร่วมลดเนื้อกินผัก ไม่มีผู้รู้คอยแนะนำการใช้ชีวิตมังสวิรัติอย่างมีความสุข มีแต่ความรู้ว่ากินเนื้อสัตว์ไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าจะกินมังสวิรัติอย่างไรให้ยั่งยืน
ดังนั้นผู้ที่คิดจะกินมังสวิรัติจึงต้องคอยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิธีการกินมังสวิรัติ การใช้ชีวิต การเอาตัวรอดในสังคม การอยู่ในสังคมอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จนกระทั่งสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้ที่ยังกินเนื้อสัตว์ได้อย่างมีความสุข โดยที่ตัวเองก็สามารถละเว้นเนื้อกินแต่พืชผักได้อย่างไม่มีตกหล่น
ประสบการณ์ลดเนื้อกินผัก มังสวิรัตินอกบ้านในร้านอาหารครอบครัว
ประสบการณ์ลดเนื้อกินผัก มังสวิรัตินอกบ้านในร้านอาหารครอบครัว
มีโอกาสได้กินนอกบ้านเนื่องจากวันรวมญาติ การที่ชาวมังสวิรัติจะต้องมากินในสถานที่ต่างถิ่นก็มักจะมาจากเหตุปัจจัยด้านสังคมเป็นส่วนประกอบหนึ่ง เมื่อเราออกจากที่มั่นของเราแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเลิกการลดเนื้อกินผักตามวิถีของเราไปด้วย เรายังไม่จำเป็นต้องอนุโลมหรือกินเนื้อสัตว์ไปกับเขาถ้าเรายังพอมีทางเลือก
ทางเลือกหรือทางรอดนั้นเราจำเป็นต้องศึกษาและไขว่คว้ามาเอง การศึกษาในกรณีนี้คือ รู้ว่าจะต้องไปกินที่ไหน ร้านนั้นเขามีอะไรขายบ้าง มีเมนูอะไรที่เราพอจะกินได้บ้าง ส่วนการไขว่คว้านั้นจะใช้เมื่อเข้าสู่ภาวะหาอะไรกินยากลำบาก อาจจะต้องไปถามไปยังร้านว่าพอจะทำเมนูที่เราต้องการให้ได้หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ทางร้านก็สามารถที่จะทำได้ ถ้าเราไม่ไปร้านอาหารที่เฉพาะเจาะจง ที่เน้นไปทางขายเนื้อสัตว์มากไปนัก
ร้านนี้มีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง ถ้าเอาแบบง่ายๆ ไม่คิดมาก ไม่ลำบากมาก สั่งง่าย กินง่าย อิ่มง่าย ก็สามารถสั่งผัดผักมากินกับข้าวได้ ถือว่าผ่านไปง่ายๆ สำหรับการกินมังสวิรัติในงานเลี้ยงรวมญาติครั้งนี้
แต่ถ้ามื้อนี้ผู้มีอุปการคุณยินดีที่จะเลี้ยงอาหารเรา แล้วบอกว่าให้เรากินเต็มที่ เราก็ควรจะ …..กินเท่าที่เราเคยกินนั่นแหละ คือสั่งผัดผักกับข้าวมากินก็ได้ … แต่ด้วยผู้เขียนคิดว่าถ้ากินแบบนั้นมันก็เหมือนกินที่บ้าน มากินในวันรวมญาติทั้งทีเดี๋ยวจะไม่มีอะไรเอามาแบ่งปันให้อ่านกันก็เลยจัดมาหลายเมนู…
เมนูแรก ปอเปี๊ยะทอดไส้ผัก อันนี้น้าสั่งมาไว้ให้ เพราะเห็นว่าเรากินมังสวิรัติ …เห็นไหมว่า เมื่อเราได้ประกาศบอกคนในครอบครัวไปแล้วว่าเรากินมังสวิรัติ จากที่เราเคยหาเมนูคนเดียวก็มีคนมาช่วยดูว่าเราจะกินอะไรได้บ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กินกับเราก็ตาม
ปอเปี๊ยะทอดไส้ผักนี่ก็ไม่มีอะไรมาก มีแป้งห่อ ผัก คือวุ้นเส้น เห็ด แครอท น่าจะประมาณนี้ จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่คนกินมังสวิรัติก็สบายใจได้เพราะยังไงก็มีแต่ผัก เราอาจจะสั่งมาคู่กับผัดผักอีกสักเมนู ข้าวด้วยอีกจาน ก็ถือว่าพอดี พออิ่ม และดูไม่น้อยจนเหมือนหาอะไรกินลำบากมากเกินไป จนพลอยทำให้คนอื่นกังวลใจกับการกินของเรา
แต่พอดีว่าไม่ได้สั่งผัดผักมากินกับข้าว ก็เลยสั่ง ซีซาร์สลัด ปกติซีซาร์สลัดนี่เขาใส่เนื้อสัตว์จำพวกเบคอนรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่พอดีไปบอกกับทางร้านก่อนที่จะสั่งว่า “เราไม่กินเนื้อสัตว์ ช่วยแนะนำเมนูให้หน่อยได้ไหม” ทางร้านแนะนำสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ และเราก็ได้สั่งเมนูนี้มาเพิ่ม ประมาณว่าอยากกินผัก ก็กินกันง่ายๆ รสชาติมาตรฐาน กินผักไปก่อนที่ของหนักๆ จะมา ก็ดีนะย่อยง่าย
ผักโขมอบชีส เป็นเมนูที่สั่งต่อมา ใครที่ยังกินมังสวิรัติใหม่ๆ ก็สั่งมากินเล่นได้เลย ถือว่าเป็นเมนูเอาตัวรอดได้ดีประมาณหนึ่งเมื่ออยู่ในร้านอาหารฝรั่ง เพราะไปที่ไหนเขาก็มี ร้านพิซซ่าทั่วไปก็มี
ว่าแล้วก็มีถึงจานหลัก คือ สปาเก็ตตี้ ที่ไม่มีเนื้อสัตว์ จะเป็นซอสมะเขือเทศล้วนๆ ก็อร่อยดี อร่อยแบบมีคุณค่า ไม่ลำบากใจที่จะต้องสั่งเมนูที่มีเนื้อสัตว์ คิดว่าร้านอาหารฝรั่งส่วนใหญ่ก็น่าจะมีเมนูนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งราคาก็มักจะถูกที่สุดในบรรดาเมนูพาสต้าที่เรียงรายกันอยู่ ถูกและดีจริงๆ
ในระหว่างที่กินอยู่ ญาติๆ ก็จะทยอย จัดหรือแนะนำผักต่างๆมาให้ เป็นผักสลัดประดับจานบ้าง ผักต้มที่มากับเสต็กบ้าง เช่น มันบด บร็อคโคลี่ แครอท คงเพราะว่าเขาเห็นเรากินมังสวิรัติ เขาก็เห็นดีด้วยจึงมีเมตตากรุณาช่วยเหลือเรา อาจจะเพราะกลัวเราจะไม่อิ่มด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งเราก็ยินดีที่จะรับไว้ ยิ่งเป็นผักประดับจานที่เหลือๆ เราก็ยิ่งยินดี เพราะว่าจะได้ไม่เสียของ ยังไงเราก็กินอยู่แล้ว แม้จะไม่มีน้ำสลัดราด เราก็กินผักเปล่าๆ ด้วยความเคยชิน นั่นแหละนะ
เกือบจะอิ่มแล้ว แต่พอดีมีเมนูที่อยากลองกินดูอีกจานนั่นคือ ปอเปี๊ยะผักโขมชีส เป็นอีกเมนูหนึ่งที่สั่งมากินเล่นๆได้ดี ของทอดนี่รสชาติจะเปลี่ยนไปตามน้ำจิ้มเป็นส่วนใหญ่ ไส้ในเป็นองค์ประกอบย่อยๆ ที่ช่วยหนุนรสสัมผัสอีกทีหนึ่ง พระเอกจริงๆคือผิวกรอบๆของแป้งห่อนั่นเอง (กินทีไรมันก็เด่นสุดทุกที)
สรุปว่าหลังจากที่ทุกคนในครอบครัวรู้ว่าเรากินมังสวิรัติ ก็จะทำให้การดำเนินตามวิถีลดเนื้อกินผักของเรา เป็นไปได้อย่างสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ร้านอาหารที่มีอาหารขายหลากหลายแบบนี้ เช่น ร้านข้าวต้ม ภัตตาคาร ร้านอาหารทั่วๆไป สามารถหาเมนูมังสวิรัติกินได้ง่าย เพราะมีเมนูผักให้เลือกหลากหลาย ปรับเปลี่ยนได้ตามที่เราต้องการ จะเพิ่มผักลดเนื้ออย่างไรก็สามารถบอกเขาได้เลย
ึความคิดเห็นล่าสุด