Tag: ลดเนื้อสัตว์

ลดเนื้อกินผัก ลดชนิดอาหาร : ไม่ติดมากก็เลิกไปได้เลย

September 12, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,188 views 0

ลดเนื้อกินผัก ลดชนิดอาหาร : ไม่ติดมากก็เลิกไปได้เลย

ลดเนื้อกินผัก ลดชนิดอาหาร : ไม่ติดมากก็เลิกไปได้เลย

ผู้ที่ลดเนื้อสัตว์หันมากินผัก เมื่อปฏิบัติตามกระบวนการลด ละ เลิก ด้วยการพิจารณาทุกข์ โทษ ภัย ผลเสียต่างๆ จากการกินเนื้อสัตว์จนสามารถลดการกินเนื้อสัตว์ได้ สามารถกินผักได้เพิ่มขึ้น สามารถละเนื้อสัตว์ได้เป็นช่วงเวลาที่นานมากขึ้น และเมื่อได้ลดละเนื้อสัตว์กินแต่ผักมาสักระยะหนึ่งจนเกิดความรู้สึกว่า แม้จะไม่ได้กินเนื้อสัตว์ ก็ไม่มีความทุกข์ใจ กระวนกระวายใจ หรือความอยากกินใดๆ ก็ให้ลองตัดเนื้อสัตว์ชนิดนั้นออกไปได้

ยกตัวอย่างเช่น เราลด ละ เลิกเนื้อวัว เราไม่กินเนื้อวัวแล้ว ไม่ได้กินก็ไม่กระวนกระวาย ไม่ทุกข์ใจอะไร เราก็ลองเลิกเนื้อวัวแบบตัดขาดจากชีวิตได้เลย ถ้าเลิกแล้วยังรู้สึกสบายดีก็ให้เลิกไปได้เลย

แต่ถ้าเลิกแล้วยังมีความรู้สึกคิดถึง ยังเห็นเมนูเนื้อวัวแล้วน้ำลายไหล อยากกินเนื้อวัวชิ้นนั้นๆ ก็ให้พิจารณาผลเสียไปเรื่อยๆ ความอยากกินนั้นจะลดลงเอง จนมั่นใจได้ว่าแม้จะมีเนื้อสเต็กราคาแพงมาอยู่ตรงหน้า ให้กินฟรีๆเลยนะ ฉันก็จะสั่งอย่างอื่นมากินโดยไม่ได้สนใจสเต็กเนื้อชิ้นนั้นเลย ปล่อยมันวางอยู่ข้างหน้าอย่างนั้นแหละ แต่ไม่กิน ไม่รู้สึกรำคาญ ไม่กระวนกระวาย ไม่รัก ไม่ชัง ไม่รู้สึกดึงดูด ไม่รู้สึกว่าผลักไส รู้สึกแค่ว่ามันก็เป็นของมันอย่างนั้น แล้วเราก็กินผักต่อไปได้ปกติ เลิกกินก็ไม่คิดฟุ้งซ่าน เพราะมั่นใจว่าที่ทำนั้นดีแล้ว

เมื่อเราเลิกเนื้อวัวได้ เราก็มาเลิกเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา กุ้ง ปู ปลาหมึก หอย ไข่ นมสัตว์ น้ำผึ้ง ฯลฯ โดยใช้กระบวนการลด ละ เลิก ตามลำดับเหมือนเดิม แต่ถ้าจิตใจเข้มแข็งก็อาจจะสามารถเลิกพร้อมกันได้หลายชนิดก็ได้ ทั้งนี้ผู้ลดเนื้อกินผัก ควรประมาณกำลังของตัวเองให้เหมาะสม ไม่ให้หย่อนจนไม่เจริญ ไม่ให้ตึงจนทรมาน

ลดชนิดอาหาร…

เมื่อเลิกเนื้อสัตว์ที่มีลักษณะเป็นชิ้นๆได้แล้ว เราก็จะมาลดอาหารที่ไม่มีรูปลักษณะของเนื้อสัตว์นั้นๆ เช่น น้ำซุป น้ำมันหอยในผัดผัก น้ำปลาในน้ำแกง เป็นต้น

ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนเรากินก๋วยเตี๋ยว ใส่เส้นกับผัก แต่ยังมีน้ำซุปที่มีกระดูกสัตว์เป็นส่วนประกอบอยู่ เราก็พิจารณาว่าการมีกระดูกสัตว์ก็ยังมีส่วนเบียดเบียนเขาอยู่ ยังเกิดทุกข์โทษภัยอยู่ เราก็จะลด ลงมาเป็นการสั่งก๋วยเตี๋ยวแห้ง คือให้เขาลวกเส้นกับผักให้เท่านั้น ถ้าทำได้โดยไม่ยากไม่ลำบากจิตใจมากไปนัก ก็ลองเลิกกินแบบเดิมๆ หันมากินก๋วยเตี๋ยวแห้งใส่แต่เส้นกับผักดู ส่วนเขาจะมีสิ่งอื่นในประกอบให้อย่างไรก็ต้องพิจารณาไปเป็นครั้งๆเป็นรายๆไป ตามแต่สูตรของแต่ละร้าน เช่น ถ้าเขามีถั่วเราก็ขอรับ แต่ถ้าเขาเสนอกากหมูเราไม่รับ เป็นต้น

เมื่อเราพัฒนาการลด ละ เลิก ในรายละเอียดของชนิดอาหารนั้นๆได้แล้ว ก็ให้พัฒนาต่อเป็นการลด ละ เลิกชนิดอาหารนั้นๆต่อกันเลย

ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนเราชอบกินผักทอด ขนมทอด เราก็ลดปริมาณการกินลงมา จนสามารถละได้เป็นช่วงเวลานาน ก็ให้ทดลองเลิกของทอดนั้นๆไปเลย เช่นเลิกกินผักทอด เห็ดทอด เมนูชุบแป้งทอดทั้งหลาย โดยการพิจารณาโทษของการกินอาหารที่มีไขมันมากเกินไป อาจจะทำให้อ้วน ทำให้มีโรคมาก ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงเต็มที่ จนกระทั่งเกิดความรู้สึกว่า ไม่กินเมนูทอดก็ไม่เป็นไร ไม่อยากกินเมนูทอดแล้วเพราะไม่ดีต่อสุขภาพ แม้จะมีมาวางอยู่ตรงหน้าก็ไม่กินเป็นอันดับแรก ไม่กระวนกระวายใจหากไม่ได้กิน ก็ให้เลิกกินของทอดไปได้เลย

แล้วค่อยลดชนิดอาหารอื่นๆ ที่มีรสจัดมาก มีการปรุงแต่งมาก มีราคาแพง หากินยาก มีขั้นตอนการทำยาก ฯลฯไปตามกำลังที่พอจะทำไหว

สุดท้ายแล้วเราก็จะลดเนื้อกินผักกันจนสามารถกินข้าวกับผักสดหรือผักต้มได้ น้ำพริกไม่ต้องมีก็ได้ ถ้าขาดธาตุอาหารใดก็ต้มกินเพิ่มได้ เช่น โปรตีนก็ใช้ถั่วต้ม ส่วนคาร์โบไฮเดรตเราได้จากข้าวอยู่แล้ว วิตามินได้จากผักนานาชนิดและข้าวกล้อง ที่เราเลือกกินให้เหมาะกับความสมดุลแข็งแรงของร่างกาย ส่วนไขมันถ้าขาดเราก็ใส่ในกระบวนการผัดก็ได้ จะกินพวกธัญพืชที่มีน้ำมันเช่น เมล็ดทานตะวัน แทนก็ได้ หรือจะกินเข้าไปตรงๆเลยก็ได้ โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่าย มีอยู่ทั่วไป ราคาไม่แพง และไม่มีโทษ คือปลอดสารเคมี ไม่ทำให้ป่วย ไม่ทำให้เสียสุขภาพ

ทั้งนี้เพื่อดำเนินไปสู่เป้าหมายคือการไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่เบียดเบียนชีวิตตนเองด้วยอาหารที่ทำลายสุขภาพ ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความผาสุกในชีวิตอย่างยั่งยืน

น้ำซุปกินได้ไหม?

September 8, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 8,786 views 0

น้ำซุปกินได้ไหม?

น้ำซุปกินได้ไหม?

น้ำซุปกับชาวมังฯ นั้นดูจะเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ที่หลายคนสงสัยว่ากินได้ไหม? แน่นอนว่าน้ำซุปส่วนมากประกอบด้วยกระดูกสัตว์ และส่วนประกอบอื่นๆของสัตว์ต่างๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เรา “ รู้กันดี ” อยู่แล้ว ดังนั้นหากจะบอกว่ามันเป็นมังสวิรัติไหม ก็คงไม่ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดกันหน่อย

การกินมังสวิรัติได้ทันทีนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถลบบาปที่เคยทำมาตั้งแต่อดีตก่อนที่จะมากินมังสวิรัติได้ และน้อยคนนักที่จะสามารถหันมากินมังสวิรัติได้อย่างเต็มตัวในทันที การกินมังสวิรัตินั้นต้องค่อยๆพัฒนา เหมือนเด็กทารก หัดคลาน หัดยืน หัดเดิน จนกระทั่งวิ่งได้ ดังนั้นเราจึงมีกระบวนการที่เรียกว่า การลด ละ เลิก คือลดเนื้อสัตว์หันมากินผัก

ลองจินตนาการดูว่าถ้าทุกคนในบ้าน ชุมชน ประเทศ หรือในโลก เลิกกินเนื้อเป็นชิ้นๆ แล้วอุตสาหกรรมผลิตเนื้อสัตว์จะเป็นอย่างไร? ในเมื่อไม่มีการกินเนื้อเป็นชิ้นๆ แล้วยังจะมีการกินน้ำซุปจากกระดูกอีกหรือ? ในทำนองเดียวกันนั้นเอง เราจึงควรมุ่งเน้นในการลดการเบียดเบียนที่มากเสียก่อน แล้วค่อยมาทำสิ่งที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น คือลดเป็นลำดับๆไป

คนที่ตั้งใจกินมังสวิรัตินั้นเขาอาจจะไม่ได้อยากจะกินเนื้อสัตว์ แต่เพราะติดรสชาติของน้ำซุป หรืออยากมีน้ำซุปบ้าง อาจจะไม่รู้ว่าต้องสั่งอย่างไรบ้าง แต่ถ้าลดเนื้อเหลือแต่น้ำซุป ตรงนี้ก็เป็นการลดในขั้นที่ละเอียดกว่าในรูปแบบของชิ้นเนื้อทั่วไป เนื้อเป็นชิ้นๆเขาไม่กินแล้ว แต่เขายังเลิกบางอย่างไม่ได้เช่น น้ำซุป น้ำปลา กะปิ ไข่ ที่ประกอบอยู่ในอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาก็กำลังเพียรพยายามหาทาง ลด ละ เลิกต่อไป

ทีนี้คนที่มีความคิดในเชิงสมบูรณ์แบบ หรือ Perfectionist หรือเรียกง่ายๆ ว่าติดดี ก็จะมีความรู้สึกว่ามันไม่ดี ไม่งาม ไม่สมบูรณ์พร้อม จนตัวเองนั้นเป็นทุกข์เมื่อได้เห็นคนที่บอกว่ากินมังสวิรัติกินน้ำซุปที่ประกอบด้วยกระดูกสัตว์ น้ำปลา กะปิ ไข่ ฯลฯ ซึ่งทำให้เกิดนรก คือความเดือดเนื้อร้อนใจในจิตใจของตัวเอง เพราะคิดว่าตนเองทำได้แล้ว คนอื่นเขาจะต้องทำได้เหมือนตนเองมังสวิรัติมันต้องแบบนั้น มันต้องแบบนี้ถึงจะเรียกว่ามังสวิรัติ …สุดท้ายก็ทุกข์ไปคนเดียวนั่นแหละ

ซึ่งในความจริงมันเป็นแบบนั้นไม่ได้ หลายคนไม่ได้มีเหตุปัจจัยเอื้อให้กินมังสวิรัติได้สมบูรณ์แบบ ทั้งสังคม สภาพแวดล้อม และกิเลสของเขาเอง เขาก็มีกรรมเป็นของเขา แล้วเราไปยุ่งกับเขา เราก็มาทุกข์ อันนี้มันก็หาเรื่องให้ตัวเองปวดหัวกับเรื่องคนอื่นมากเกินไปหน่อย ดังนั้นใครเขาจะลดเนื้อกินผักลีลาไหนก็เรื่องของเขาเถอะ เอาเราให้สมบูรณ์ก็พอ อย่าไปหวังความสมบูรณ์แบบอะไรกับคนอื่นเลย

เพราะจากวันนี้จนถึงวันที่โลกแตกก็ยังมีคนกินเนื้ออยู่ดีนั่นแหละ แล้วเราจะไปเพ่งโทษคนที่เขาพยายามจะลดเนื้อกินผัก หรือไปเพ่งโทษคนที่พยายามจะทำดี แบบนี้ไม่เรียกหาเหาใส่หัวหรือ? เขาพยายามทำดีเท่าที่เขาจะทำได้ก็ดีแล้วนี่ ดีกว่าเขาหันไปกินเนื้อ ไม่สนใจที่จะลด ละ เลิกเลย

ความติดดีนี่แหละ จะทำให้คนหัดกินมังสวิรัติด้วยกันเอือมระอาต่อความสมบูรณ์แบบของเรา กลายเป็นเขาเลิกกินมังสวิรัติเพราะรำคาญความสมบูรณ์แบบที่เขายังไม่พร้อมจะทำ ปล่อยให้คนเก่งอย่างเรากินไปคนเดียว แล้วทีนี้เราทำลายคนที่ตั้งใจจะลดเนื้อกินผักไป มันจะมีค่าอะไร กับแค่คนเก่งคนเดียวที่กินมังสวิรัติได้สมบูรณ์แบบจะมีค่าอะไร เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่สามารถทำแค่ลดเนื้อแบบเป็นชิ้นๆได้ ผลรวมมันก็เบียดเบียนน้อยกว่าอยู่แล้ว

ดังนั้นข้อสรุปที่ว่า น้ำซุปกินได้ไหม? ก็จะให้ความคิดเห็นว่า ถ้ามันลำบากใจ มากอยากกินมาก ก็กินไปเถอะ แต่ก็ให้พิจารณาโทษของมันไปเรื่อยๆ ว่ามีข้อเสียอย่างไร เบียดเบียนอย่างไร ถ้าวันหนึ่งมีกำลังใจ ตั้งใจจะเลิกเบียดเบียน ก็ลอง ลด ละ เลิกไปตามลำดับดู ให้แต่ละคนประมาณเอาเองว่าตัวเองไหวที่ระดับไหน ระดับไหนที่พอทำได้ ระดับไหนที่ฝืน ระดับไหนที่ทรมานมากเกินไป ก็ให้ประมาณกันให้พอดี ให้เหมาะกับพื้นฐานของแต่ละคน

ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำเห็ดหูหนูขาว

September 7, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,237 views 0

ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำเห็ดหูหนูขาว

ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำเห็ดหูหนูขาว : ชามนี้กินที่ศูนย์อาหารระหว่างเดินทางกลับจากต่างจังหวัด

หลายคนที่หัดมากินมังสวิรัติใหม่ๆ ก็อาจจะต้องเลิกล้มไปเพราะรสสัมผัส รสชาติไม่เหมือนเดิม วิธีง่ายๆก็คือพยายามสั่งอาหารที่รสชาติเหมือนที่ชอบ แต่ใช้วัตถุดิบอื่นๆแทนชิ้นเนื้อสัตว์ไปก่อน

เมื่อลดเนื้อสัตว์ได้เก่งๆแล้ว ค่อยปรับลดชนิดของอาหารไปอีกที หรือจะลดความจัดของรสชาติเพื่อสุขภาพอีกก็ได้เหมือนกัน

อาหารมังสวิรัติ หากินยาก?

July 2, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,209 views 0

อาหารมังสวิรัติ หากินยาก?

หนึ่งในปัญหาของผู้ที่หัดลดเนื้อ กินผัก หรืออยากลองกินอาหารมังสวิรัติ มักจะคิดว่าอาหารมังสวิรัตินั้นหากินยาก ต้องทำความลำบากแก่ผู้อื่น มีปัญหากับการเข้ากลุ่มสังคม ฯลฯ

จริงๆแล้วอาหารมังสวิรัตินั้นไม่ได้หากินยากเลย มีอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่นร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่งต่างๆ เราก็จะสามารถสั่งอาหารที่ “ลดเนื้อ กินผัก” แทนได้ โดยการแทนที่วัตถุดิบ คือ ไม่กินเนื้อแต่ขอผักเพิ่ม เส้นเพิ่ม หรือสั่งผัดกะเพราแต่ใช้วัตถุดิบอื่นเช่น ดอกกะหล่ำ เห็ด ข้าวโพดอ่อนฯลฯ

มีเมนูประจำวันมากมายที่เราสามารถประยุกต์ได้ เช่น ข้าวผัดผัก สุกี้ผัก ผัดผักตามที่ชอบ ฯลฯ  เรียกว่าถ้ามีร้านอาหารตามสั่ง ก็หากินอาหารมังสวิรัติได้ทุกวัน แม้ว่าพ่อครัวแม่ครัวจะใช้เครื่องปรุงที่ยังไม่ละเว้นชีวิตสัตว์บ้าง ก็ไม่เป็นไร เพราะเรากินมังสวิรัติด้วยเจตนาที่จะละเว้นเนื้อสัตว์ แล้วเราก็จะลดการกินเนื้อให้อยู่ในขีดที่สบาย เท่าที่สามารถทำได้ พ่อครัวแม่ครัวยินดีทำให้ ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็จะยินดีทำให้ เพราะผักมักจะมีต้นทุนต่ำกว่าในปริมาณของอาหารที่เท่ากัน นั่นหมายความว่าถ้าเรากินมังสวิรัติในราคาเท่าเดิม พ่อค้าแม่ค้ามักจะได้กำไรมากกว่าเดิม แต่ในส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ที่เคยเจอมา เขามักจะคิดราคาถูกกว่าปกติ

การเริ่มต้นกินมังสวิรัติในช่วงแรกๆนั้น ควรจะต้องหาความรู้ หาเมนูใหม่กันพอสมควร จะเป็นการค้นหาจากหนังสือ อินเตอร์เน็ต หรือการพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนก็ได้ เพราะการที่เราค้นคว้าเมนูมังสวิรัตินั้น จะทำให้เราคิดออกว่า วันนี้จะกินอะไร ที่ไหน อย่างไร ซึ่งจะทำให้เราสามารถมองหาอาหารที่ลดเนื้อกินผักได้ง่าย ถ้าเราไม่คิดจะค้นหาเมนูมังสวิรัติ ก็มักจะเจอปัญหาว่า หากินยาก ไม่รู้จะกินอะไร คิดไม่ออก ว่าแล้วก็กลับไปกินเนื้อเหมือนเดิมเพราะความเคยชิน หรือกิเลสนั่นเอง

เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพที่เป็น โดยไม่ลดประโยชน์ของตัวเอง คือการลดเนื้อสัตว์และหันมากินผักทดแทนให้มากขึ้น หลายท่านอาจจะเจอกับสภาพที่ไม่เกื้อหนุนให้กินมังสวิรัติ แต่ถ้าเรายังมีใจที่จะ ลด ละ เลิก เนื้อสัตว์ เราก็ควรจะแสวงหาช่องทาง วิธีการ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองกินมังสวิรัติได้อย่างเป็นสุข เช่น กินมังสวิรัติในเมื้อเย็น , กินมังสวิรัติในวันพระ , กินมังสวิรัติในวันหยุด เป็นตัวอย่างการละเว้นเป็นมื้อหรือเป็นวัน

ต้องยอมรับว่าการกินมังสวิรัตินั้นจะทำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างยากลำบากในช่วงแรกที่มีการปรับตัว จำเป็นต้องใช้ปัญญา และสมาธิอย่างมากในการจะคงสภาพการกินมังสวิรัติให้ต่อเนื่อง เพราะเราใช้ชีวิตทวนกระแสกับสังคม เขากินเนื้อเราไม่กิน เขาไม่ค่อยกินผัก แต่เรากินเป็นหลัก ดังนั้นการยอมรับแต่แรกว่ามันยาก จะทำให้เราทำใจยอมรับความลำบากที่จะเกิดในระหว่างฝึกหัดกินมังสวิรัติได้ หลังจากยอมรับได้ แล้วเราตั้งใจ จนกระทั่งเข้าใจ เรียนรู้วิธีการกินมังสวิรัติในชีวิตประจำวัน เราจะกลายเป็นคนที่กินมังสวิรัติอย่างปกติ ไม่ลำบากใจ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องลำบากหา ไม่ต้องทุกข์เพราะกินมังสวิรัติ ไปที่ไหนก็หากินได้ มีปัญญารู้ว่าเวลาไหนควรจะกินมังสวิรัติ เวลาไหนควรจะละเว้น หรืออนุโลมไว้บ้าง

เราเรียนรู้ ตั้งแต่มีความรู้สึกว่า “อาหารมังสวิรัติหากินยาก” จนกระทั่งวันหนึ่งกลายเป็น  “อาหารมังสวิรัติหากินง่าย” กลายเป็นผู้แบ่งปันความรู้ แนวทาง เมนูอาหาร ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างสอดคล้อง ปนแต่ไม่เปื้อน เป็นผู้ไม่เบียดเบียน มีสุขภาพดี มีความสุขใจ