กินนอกบ้าน
ประสบการณ์กินมังสวิรัติ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น และการตอบคำถามเรื่องมังสวิรัติกับสังคม
วันก่อนมีนัดรวมญาติ เขาก็นัดเลี้ยงกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ชาวมังสวิรัติอย่างเราก็ไปด้วย เพราะการเข้าสังคมเป็นเรื่องสำคัญแต่การปรับตัวอยู่ในสังคมให้เกือบจะกลมกลืนสำคัญกว่า สำหรับครั้งนี้ พอจะมีเมนูในใจจากที่เคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง
ไปถึงร้านก่อนญาติสักหน่อย จองโต๊ะไว้ก่อน ใช้เวลาสำรวจเมนูอาหารสักพัก เวลาสั่งจะได้คล่อง ทบทวนให้ดีว่าจะกินอะไร เท่าไหร่ ถึงจะอิ่มพอดี ไม่หิวโหย ไม่ลำบากตัวเองจนต้องไปหากินเพิ่ม หรือกินอิ่มเกินไปจนเดินไม่ได้
เมนูแรกๆที่สั่งเลยคือหน่อไม้ฝรั่งผัด เมนูแบบบ้านๆ ใครคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร ก็สั่งมากินก็ได้ ไม่ต่างกับผัดกินเองที่บ้านเท่าไหร่ ส่วนข้าว กับเครื่องเคียงนั้น ให้น้องที่สั่งอาหารอื่นๆที่สามารถรับเพิ่มเป็นชุด เอาชุดเครื่องเคียงมาด้วย ก็จะมีข้าว เต้าหู้ ซุปมิโซะ กิมจิ อะไรอีกสักอย่างสองอย่างนี่แหละ ของพวกนี้กินได้และทำให้อิ่มได้ด้วย
พอเริ่มมีคนมา มีคนช่วยกิน เราก็จะสั่งเพิ่ม ให้ญาติๆได้ลองชิมกันดูด้วย เมนูซ้ายบน คือ สเต็กเต้าหู้ กินง่ายราคาไม่แพงจำได้ว่าไม่ถึงร้อย มีเต้าหู้ เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง และต้นหอมหั่นโรยพองาม
ด้านขวาบนเป็น เต้าหู้ห่อข้าว (อินาริซูชิ) ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะมีขาย เมนูนี้เอาไว้เวลาหิวๆ อัดข้าวเข้าไป อิ่มไวดี จิ้มโชยุกับวาซาบิ ได้ตามที่ชอบ
ซ้ายล่างจะเป็นสลัดเห็ด มีเห็ดประมาณ 3 ชนิด กับผักสลัด เอามากินรองท้อง หรือเพื่อเพิ่มผักในมื้อนั้นๆ ก็ดีเหมือนกัน ในกรณีที่เราสั่งกินแต่ข้าว แล้วเกรงว่าจะมีแต่คาร์โบไฮเดรต จานนี้ก็อร่อย กินง่าย จะสลัดใส่อะไรก็เหมือนๆกัน ทุกอย่างจะถูกกลบด้วยรสของน้ำสลัดหมดเลยจานนี้น่าจะแพงสุดในเมนูมังสวิรัติที่สั่งมาในรอบนี้ ราวๆ ร้อยห้าสิบบาท
ขวาล่างจะเป็น ไข่หวานย่าง สำหรับคนที่ยังกินไข่อยู่ เมนูนี้เป็นอะไรที่กินง่าย หลายๆคนชอบ เพราะหวาน… กินกับข้าวก็ได้ กินเล่นก็ได้ ไม่แพงอีกเหมือนกัน เมนูเกี่ยวกับไข่หวานยังมีอีก เช่น ข้าวปั้นหน้าไข่หวาน
ด้านซ้ายบน เป็นยำสาหร่าย ใครชอบก็สามารถสั่งมาเป็นถ้วยๆ ราคาพอๆกับสเต็กเต้าหู้เลย แต่ถ้าชอบรูปแบบซูชิ ก็สามารถสั่ง ข้าวปั้นหน้ายำสาหร่าย แบบในรูปด้านขวาบนได้ มีขิงดองเป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยนได้เหมือนกัน สองคำก็ประมาณเกือบครึ่งร้อย
ถ้าเราไม่อยากกินข้าว หรือเบื่อข้าวปั้น เราก็สามารถเปลี่ยนมากินโซบะได้ อย่างในรูปด้านซ้ายล่างจะเป็นโซบะเย็น ที่เอาเส้นไปจุ่มน้ำซอสที่ผสมไปด้วย ต้นหอม วาซาบิ และใครชอบไข่นกกระทาก็ใส่ไปด้วยได้ เมนูนี้จำได้ว่า 100 บาท ถ้าสั่งมากินเดี่ยวๆก็ง่ายดี นั่งคุยกันไป กินโซบะไป เพลินกันไป
ส่วนขวาล่างนั้นคือเรือที่เต็มไปด้วยปลาดิบ อันนี้เอามาให้ศึกษากันว่า เราจะทำอย่างไรให้กลมกลืน ให้คนอื่นไม่ลำบากใจ ในกรณีที่ได้สังเกตและทดลอง เราสามารถกินยำสาหร่ายได้ กินหัวไชเท้าและแครอทฝอยๆได้ กินผักประดับได้ รสชาติจะคล้ายๆ สะระแหน่ เราสามารถมีส่วนร่วมไปได้โดยไม่ต้องไปกินแบบเขา แค่เรากินแบบของเราไปก็พอ
4 เมนูด้านบนนี้ไปกินอีกที ที่ร้านเดิม แต่มีเมนูใหม่ ลำดับแรกด้านซ้ายบนคือ เส้นชิราตากิผัด (80 บาท ) มีเส้นอารมณ์ประมาณเส้นบุก ผัดกับเห็ด และพริกหวาน ได้เยอะเหมือนกัน ราคาก็ไม่แพง
ขวาบนคือ ข้าวห่อสาหร่ายเต้าหู้ใส่ผัก ( 150 บาท ) แต่ละคำชิ้นใหญ่พอสมควร เป็นข้าวห่อสาหร่ายที่ชาวมังสวิรัติกินได้อย่างสบายใจเพราะมีแต่ผัก ราคาอาจจะสูงไปนิดเมื่อเทียบกับวัตถุดิบ แต่ถ้าคิดอะไรไม่ออกลองสั่งมากินเล่นก็ได้ น่าจะทำให้อิ่มได้เลย
ซ้ายล่าง คือ เห็ดออรินจิผัด ราวๆ 80-90 บาท จำไม่ได้ สั่งมากินขำๆได้ รู้สึกจะผัดน้ำมันหอย ก็แล้วแต่ใครจะพิจารณา แต่เมนูเห็ดแบบนี้ผัดกินเองที่บ้านก็อร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว มานอกสถานที่เราก็มาลองของเขาบ้าง
ขวาล่าง คือ เต้าหู้ผัดเห็ด ( 110 บาท ) เป็นเต้าหู้อ่อน ที่เอาไปทอด? จนผิวแข็งๆ ทำให้กรอบพอดี ผัดกับเห็ดสองถึงสามชนิด ไม่แน่ใจ ใส่พริกหวานด้วย รสไม่จัดนัก กินกับข้าวน่าจะดี
มีเมนูอาหารที่ชาวมังสวิรัติสามารถกินได้ ที่ไม่ได้สั่งมาอีกเหมือนกัน เช่นพวก ชาบูเห็ด เทมปุระผัก ฯลฯ ใครมีโอกาสก็ลองกันได้…
การตอบคำถามเรื่องมังสวิรัติกับสังคม
ชาวมังสวิรัติต้องหัดมองประโยชน์ของสิ่งต่างๆให้เห็น หาทางออกของสถานการณ์ต่างๆให้ได้ เมื่อพบปะผู้คนที่หลากหลาย จะมีคำถามมากมายว่าทำไมเราถึงกินมังสวิรัติ,จะขาดสารอาหารไหม,จะแข็งแรงไหม,จะมีแรงทำงานไหม ฯลฯ คำตอบของเราสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนคนที่กินมังสวิรัติได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกพูดสิ่งไหน
ถ้าเราเลือกจะพูดในสิ่งดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ ขยายความในส่วนที่เขาสงสัย ให้เหมาะกับพื้นฐานความรู้ของเขา เขาก็อาจจะเห็นข้อดีของการกินมังสวิรัติ หรือจนกระทั่งสนใจมากินมังสวิรัติกับเราเลยก็ได้
แต่ถ้าเราเลือกพูดในเชิงไม่ดี การพูดข่มคนที่ยังกินเนื้อสัตว์ การที่เรายังติดว่าต้องทำดี เรายังมีอัตตา ยังไม่เข้าใจว่าจริงๆ เขาเหล่านั้นยังไม่ได้รู้ทุกข์ โทษ ภัย ของการเบียดเบียน เขาไม่รู้ผลเสียของการมีกิเลสนี้ว่าเป็นอย่างไร เราก็อาจจะรีบไปยัดความรู้ บีบคั้น กดดัน พยายามให้เขาหันมา เห็นดี เห็นควร หรือมากินมังสวิรัติกับเรา ทั้งๆที่เขายังไม่มีความสนใจ ความรู้ ความเข้าใจ และยังไม่เต็มใจที่จะทดลองกินมังสวิรัติ ถ้าเรายังฝืนพูดไป ก็อาจจะทำให้คนที่ฟังเข็ดขยาดกับมังสวิรัติก็ได้ เพราะฟังทีไรก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชั่ว
จริงอยู่ที่ว่าการกินเนื้อสัตว์นั้นเป็นสิ่งไม่ดี แต่คนเราก็มักจะยอมรับมันไม่ได้ เพราะกิเลสนั้นหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเหล่านั้นไปแล้ว การจะไปบอกว่ามันไม่ดี ไปดึงเขาออกมาทันทีนั้น ไม่สามารถที่จะทำได้ เราต้องค่อยๆทยอยให้ข้อมูล ที่ย่อย บด ละเอียด คัดสรร อย่างดีแล้วให้กับเขา เหมือนการป้อนอาหารให้เด็กอ่อน ก็ต้องบดเอาสิ่งที่มีคุณค่าพร้อมทั้งทำให้กินง่ายรวมไปในเวลาเดียวกันป้อนให้กับเขาแล้ววันหนึ่งที่เขาเห็นคุณค่าของการกินมังสวิรัติอย่างเต็มที่ เขาจะสนใจที่จะหันมากินเอง
การพูดของเราสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีงามได้มากมาย ในขณะเดียวกันก็สามารถทำลายสิ่งที่งดงามลงไปได้ในพริบตา การพิจารณาเลือกพูดสิ่งใด เลือกใช้ความรู้ใดๆ มาพูดจำเป็นต้องมีสติและปัญญาเป็นแก่นและสอดร้อยไปด้วยเมตตาในทุกๆคำพูดของเรา
บะหมี่ในปั้ม
ใช่ว่ากินมังสวิรัติจะลดค่าใช้จ่ายได้เสมอไป บางทีก็แพงเหมือนกัน แล้วแต่ที่ แล้วแต่จังหวะ แล้วแต่ความคุ้นเคยของแม่ค้า ฯลฯ
ระหว่างขับรถกลับกรุงเทพฯ ผมแวะปั้มแห่งหนึ่ง มีศูนย์อาหารเล็กๆ มองหาอะไรที่กินง่ายๆ จะได้เดินทางต่อ ก็มาเห็นร้านก๋วยเตี๋ยว เลยเข้าไปสั่ง ” บะหมี่น้ำใส่แต่ผัก เอาบะหมี่ 3 ก้อนนะครับ ” สรุปชามนี้ 50 บาท… แพงใช้ได้ ค่าเช่าเขาคงแพงเนาะ ไม่ว่ากัน
ถ้าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแถวบ้าน อย่างมากก็ 30 บาทนะ เวลาเราไปสั่งที่ไหนก็อย่าไปยึดติดว่า ต้องราคาถูกเสมอไป เพราะบางทีเขาก็นับจำนวนจานที่ขายออก บางครั้งเขาก็ไม่คุ้นกับเมนูที่ไม่มีใครเคยสั่ง อะไรต่อมิอะไรมากมายให้เป็นปัจจัยผันผวน ในด้านราคา
แต่ของเขาก็อร่อยดีนะ ไม่ได้ปรุงเพิ่มสักเท่าไหร่ เพราะปกติจะกินรสใกล้ๆ รสจืดแล้ว แต่ก่อนกินรสจัดมาก น้ำตาลสองช้อน พริก 1 ช้อน ทำลายร่างกายกันไปเลย เดี๋ยวนี้พอกินจืดจะรู้รสน้ำซุปเขาได้ดีขึ้นด้วยล่ะ
บะหมี่ในปั้ม บะหมี่นี่เป็นอาหารที่หากินง่ายจริงๆ อย่างน้อยในปั้มใหญ่ๆก็ต้องมี ถ้าอยากซดน้ำ พร้อมกินเส้นกันเบาๆ ก็ไม่ยากนักที่จะหากิน ถ้าเป็นบะหมี่สำเร็จรูปมังสวิรัติก็มีขายกันอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้กิน ถ้าเจอร้านอาหาร ก็จะกินร้านอาหารมากกว่า เพราะนอกจากอิ่มแล้ว ราคารวมก็น่าจะประหยัดกว่าด้วยนะ
บะหมี่ต้มยำเอาแต่ผัก
เมนูบะหมี่วันนี้ เป็นบะหมี่ต้มยำแถวบ้าน จากบะหมี่รถเข็นหรือเรียกกันว่าบะหมี่ป๊อกป๊อก เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้กินแล้ว ซึ่งร้านบะหมี่แบบนี้ก็จะไม่ค่อยเหมือนร้านบะหมี่ทั่วไปสักเท่าไหร่
คิดแล้วก็อยากกินขึ้นมา อาจจะเพราะเขามีผักหลากหลายกว่านิดหน่อย และถั่วที่ใส่มาพร้อมกับน้ำต้มยำ ทำให้บะหมี่ต้มยำออกรสมัน อร่อยทีเดียว ส่วนรสอื่นๆ เช่น หวาน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด ก็แล้วแต่จะปรุง สำหรับชามนี้ร้านเขาจะปรุงมาให้หมด ไม่ได้ปรุงเพิ่มเลย
ชอบตรงสั่งทีไรก็มักจะได้หัวไชเท้ามาด้วยทุกที บวกกับถั่วงอก ที่เวลากินร้านบะหมี่ปกติจะไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เมนูบะหมี่ผัก ชามนี้ปกติจะซื้อมากินกับข้าว คือกินบะหมี่ให้หมดก่อนแล้ว ค่อยกินผักที่เหลือกับข้าว เป็นเกาเหลาไป เพราะเรากินเส้นหมดนั่นเอง
ร้านบะหมี่ร้านนี้ก็ให้ความร่วมมือดี เขาเข้าใจว่าเราถือศีลวันพระละมั้ง ก็เลยยินดีทำให้ ก็สะดวกในการซื้อขายดี เมื่อคนขายยินดี คนซื้อก็สบายใจ ไปด้วยกันได้แบบเนียนๆ
บะหมี่ต้มยำเอาแต่ผัก เหมาะกับคนที่ชอบรสจัด เพราะต้มยำที่เขาปรุงให้ ทำให้ลืมรสสัมผัสอื่นๆ เช่น สัมผัสของเนื้อสัตว์ไปได้ง่าย อาจจะง่ายสำหรับคนเริ่มหัดกินมังสวิรัติ โดยเริ่มจากการลดเนื้อสัตว์ก่อน ความจัดของรสชาติค่อยไว้ ลดกันอีกที
บะหมี่แยกน้ำ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว
มื้อนี้ตอนเดินทางไปดูที่ทางที่ต่างจังหวัดครับ ต้องพักค้างหนึ่งคืน ก็เลยหาอะไรกินแถวนั้น ชุมชนก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แค่มีร้านบะหมี่ก็ถือว่ายอดแล้ว
ร้านอยู่ข้างทาง ถนนดำรถวิ่งผ่าน เห็นง่ายดี เลยเอาท้องมาฝากไว้ร้านนี้ถึงสองมื้อ เข้าไปสั่งบะหมี่ใส่แต่ผัก เขาก็ทำแยกน้ำมาให้อย่างดีเลย อาจจะเป็นเพราะปริมาณเส้นที่เราสั่งเยอะกว่าทั่วๆไปก็ได้ พอดีร้านเป็นห่วงว่าจะไม่อิ่มเลยเพิ่มก้อนบะหมี่ให้ เลยเป็นจุดเริ่มว่า สั่งบะหมี่ก็กำหนดปริมาณก้อนได้เลย จะได้คำนวนพลังงานแต่ละมื้อต่อวันได้ง่ายขึ้น
ร้านเขาทำแยกน้ำมาให้เลยครับ ผักก็เยอะใช้ได้ ที่สำคัญเส้นบะหมี่เยอะแบบนี้ อิ่มแน่นอน เยอะแบบว่าไม่น่าจะใส่น้ำให้ล้น เขาเลยแยกน้ำให้ดีกว่า ก็กินง่ายดีนะครับ ใครไม่อยากกินน้ำซุปก็สั่งแห้งไปก็ได้ หรือใครจะตักน้ำซุปมาใส่ด้วยพอขลุกขลิกก็สามารถทำได้
บะหมี่แยกน้ำ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ก็เป็นบะหมี่ผักอีกมื้อ ที่เราสามารถหาทานอาหารที่ ลด ละ เลิก เนื้อสัตว์ไปได้ แม้ว่าจะต้องเดินทางไปต่างที่ ต่างถิ่น เมนูบะหมี่ผักนี่เป็นไม้ตายของผมเลยทีเดียว เพราะว่าหากินง่าย เร็ว สั่งง่าย ราคาก็ทั่วไป สบายดีจริงๆ
บะหมี่ผัก ร้านบะหมี่ปู
เดินผ่านแถวๆ โชคชัย 4 เวลากลางวัน กำลังหิวพอดี มองหาร้านอาหารที่ไหนจะพอเหมาะให้เราได้เข้าไปกินบ้างน้อ… มองไปมองมาก็เจอร้านบะหมี่ปู
เดินเข้าร้านบะหมี่ปูเข้าไปสั่ง “บะหมี่ผัก เอาแต่เส้นกับผักนะ” แค่นั้น ไม่สนปูเลย อาม่ามองหน้าไม่พูดอะไรมาก เหมือนรู้กัน ลงมือจับบะหมี่ขึ้นมาลวกๆ ระหว่างนั้นเราก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ไม่นานนักบะหมี่ก็มาเสริฟ
ไม่รู้ว่าได้ผักเยอะเป็นพิเศษรึเปล่า แต่หน้าตาน่ากินทีเดียว มีหอมซอยโรยหน้าด้วย น้ำซุปก็หวานในตัวอยู่แล้ว เป็นน้ำซุปที่เคี่ยวจากส่วนผสมของสัตว์อยู่แล้วไม่ต้องห่วง แต่เรามานอกสถานที่ ก็ต้องตัวให้เหมาะลดให้เท่าที่พอจะกินไหว เดี๋ยวมังสวิรัติร้อยเปอเซ็นต์จะออกนอกบ้านไม่ได้นะ
บะหมี่ผัก ร้านบะหมี่ปู เวลาที่เราไปสั่งบะหมี่ผัก เขาก็อาจจะถามว่าไม่ใส่เนื้อสัตว์เลยหรอ เราก็ตอบไปตามนั้น แต่ถ้าเขาไม่ถามก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็มาแบบสวยๆอย่างในรูปเอง สั่งง่าย หากินง่าย แบบนี้แหละ มังสวิรัติข้างทาง
ก๋วยเตี๋ยวมะระ
เวลาชาวมังสวิรัติจะไปหาของกินนอกบ้านนี่ต้องอาศัยการสังเกตุและไหวพริบกันหน่อยนะครับ แต่เรื่องทั้งหมดนี้สามารถผ่านได้ง่ายๆ แค่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันเท่านั้น เราก็จะสามารถเรียนรู้หนทางการกินมังสวิรัตินอกสถานที่ได้
สำหรับคนเคร่งๆ อาจจะคิดมาก เช่น น้ำซุปต้มเนื้อนะ ต้มกระดูกสัตว์นะ ก็แล้วแต่นะครับ ในบางเวลาเราจะพิจารณาลดเท่าที่จะลดได้โดยไม่ลำบากใจตัวเอง เพราะการกินมังสวิรัติที่แท้นั้นกินด้วยอารมณ์ที่ไม่มีความอยาก ไม่ใช่กินด้วยการกดข่มหรือทำรูปให้ดูดี ซึ่งจุดประสงค์หลักคือการเอาใจออกจากความอยากกินเนื้อสัตว์อย่างยั่งยืน
ึความคิดเห็นล่าสุด