Tag: น้ำซุป
ชุดเทมปุระผัก
ชุดเทมปุระผัก
การกินอาหารนอกบ้านโดยเฉพาะกับมิตรสหายนี่เป็นอะไรที่วัดใจมาก
จะทำอย่างไรให้เราอยู่บนความเป็นกลาง ไม่หย่อนไปจนกลับไปกินเนื้อสัตว์ตามเขา ไม่ตึงไปจนเครียดแบบว่าไม่ยอมกินอะไรเลย
การที่หย่อนจนกลับไปกินนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหากเรายังมีความอยากเนื้อสัตว์อยู่มาก หรือถึงไม่อยากแต่ก็ยังไม่มีปัญญาพอจะหาทางออกที่ไม่กินเนื้อสัตว์ได้
การที่เราไม่กินอะไรเลยนั้นอาจจะเป็นทางเลือกที่แข็งไปสักหน่อย มันง่ายมากเลยที่เราจะไม่กิน
แต่โจทย์ที่ยากกว่านั้นคือการหากินให้ได้แม้ว่าจะดูลำบากยากเย็นเพียงใดก็ตาม
ชุดเทมปุระผักชุดนี้เป็นอาหารชุดในร้านชาบูที่ขายเนื้อและหมูแบบบุฟเฟต์ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็มากินบุฟเฟต์กันหมด
ทางเลือกหนึ่งที่เราเลือกได้ก็คือกินกับเขาแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่ผักกับแป้งไป แต่ในครั้งนี้เราประเมินว่าเราจะประหยัดสักหน่อยก็เลยสั่งอาหารชุดซึ่งถูกกว่า
ในชุดมีกุ้งเทมปุระแต่เราก็ขอให้เขาช่วยเปลี่ยนเป็นผักเทมปุระ และไข่ตุ๋นเราก็ไม่รับเขาก็เสนอให้เป็นผักเพิ่มให้เรา อะไรที่เราพอจะหย่อนให้เขาได้บ้างเช่น ส่วนผสมบางชนิดในน้ำซุปหรือน้ำจิ้มก็อนุโลมไป เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา จะทำตัวเอาแต่ใจก็คงไม่เหมาะนัก
key success factors คือความนอบน้อม ความมักน้อย ความยืนหยุ่น ความเข้าใจผู้อื่น …ถ้าหากเราไปทำให้ใครกดดันแม้น้อยก็ถือว่าสอบตก เมตตาสัตว์แต่ยังไม่เมตตาคนนี่มันบาปอยู่นะ
ลดเนื้อกินผัก ลดชนิดอาหาร : ไม่ติดมากก็เลิกไปได้เลย
ลดเนื้อกินผัก ลดชนิดอาหาร : ไม่ติดมากก็เลิกไปได้เลย
ผู้ที่ลดเนื้อสัตว์หันมากินผัก เมื่อปฏิบัติตามกระบวนการลด ละ เลิก ด้วยการพิจารณาทุกข์ โทษ ภัย ผลเสียต่างๆ จากการกินเนื้อสัตว์จนสามารถลดการกินเนื้อสัตว์ได้ สามารถกินผักได้เพิ่มขึ้น สามารถละเนื้อสัตว์ได้เป็นช่วงเวลาที่นานมากขึ้น และเมื่อได้ลดละเนื้อสัตว์กินแต่ผักมาสักระยะหนึ่งจนเกิดความรู้สึกว่า แม้จะไม่ได้กินเนื้อสัตว์ ก็ไม่มีความทุกข์ใจ กระวนกระวายใจ หรือความอยากกินใดๆ ก็ให้ลองตัดเนื้อสัตว์ชนิดนั้นออกไปได้
ยกตัวอย่างเช่น เราลด ละ เลิกเนื้อวัว เราไม่กินเนื้อวัวแล้ว ไม่ได้กินก็ไม่กระวนกระวาย ไม่ทุกข์ใจอะไร เราก็ลองเลิกเนื้อวัวแบบตัดขาดจากชีวิตได้เลย ถ้าเลิกแล้วยังรู้สึกสบายดีก็ให้เลิกไปได้เลย
แต่ถ้าเลิกแล้วยังมีความรู้สึกคิดถึง ยังเห็นเมนูเนื้อวัวแล้วน้ำลายไหล อยากกินเนื้อวัวชิ้นนั้นๆ ก็ให้พิจารณาผลเสียไปเรื่อยๆ ความอยากกินนั้นจะลดลงเอง จนมั่นใจได้ว่าแม้จะมีเนื้อสเต็กราคาแพงมาอยู่ตรงหน้า ให้กินฟรีๆเลยนะ ฉันก็จะสั่งอย่างอื่นมากินโดยไม่ได้สนใจสเต็กเนื้อชิ้นนั้นเลย ปล่อยมันวางอยู่ข้างหน้าอย่างนั้นแหละ แต่ไม่กิน ไม่รู้สึกรำคาญ ไม่กระวนกระวาย ไม่รัก ไม่ชัง ไม่รู้สึกดึงดูด ไม่รู้สึกว่าผลักไส รู้สึกแค่ว่ามันก็เป็นของมันอย่างนั้น แล้วเราก็กินผักต่อไปได้ปกติ เลิกกินก็ไม่คิดฟุ้งซ่าน เพราะมั่นใจว่าที่ทำนั้นดีแล้ว
เมื่อเราเลิกเนื้อวัวได้ เราก็มาเลิกเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา กุ้ง ปู ปลาหมึก หอย ไข่ นมสัตว์ น้ำผึ้ง ฯลฯ โดยใช้กระบวนการลด ละ เลิก ตามลำดับเหมือนเดิม แต่ถ้าจิตใจเข้มแข็งก็อาจจะสามารถเลิกพร้อมกันได้หลายชนิดก็ได้ ทั้งนี้ผู้ลดเนื้อกินผัก ควรประมาณกำลังของตัวเองให้เหมาะสม ไม่ให้หย่อนจนไม่เจริญ ไม่ให้ตึงจนทรมาน
ลดชนิดอาหาร…
เมื่อเลิกเนื้อสัตว์ที่มีลักษณะเป็นชิ้นๆได้แล้ว เราก็จะมาลดอาหารที่ไม่มีรูปลักษณะของเนื้อสัตว์นั้นๆ เช่น น้ำซุป น้ำมันหอยในผัดผัก น้ำปลาในน้ำแกง เป็นต้น
ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนเรากินก๋วยเตี๋ยว ใส่เส้นกับผัก แต่ยังมีน้ำซุปที่มีกระดูกสัตว์เป็นส่วนประกอบอยู่ เราก็พิจารณาว่าการมีกระดูกสัตว์ก็ยังมีส่วนเบียดเบียนเขาอยู่ ยังเกิดทุกข์โทษภัยอยู่ เราก็จะลด ลงมาเป็นการสั่งก๋วยเตี๋ยวแห้ง คือให้เขาลวกเส้นกับผักให้เท่านั้น ถ้าทำได้โดยไม่ยากไม่ลำบากจิตใจมากไปนัก ก็ลองเลิกกินแบบเดิมๆ หันมากินก๋วยเตี๋ยวแห้งใส่แต่เส้นกับผักดู ส่วนเขาจะมีสิ่งอื่นในประกอบให้อย่างไรก็ต้องพิจารณาไปเป็นครั้งๆเป็นรายๆไป ตามแต่สูตรของแต่ละร้าน เช่น ถ้าเขามีถั่วเราก็ขอรับ แต่ถ้าเขาเสนอกากหมูเราไม่รับ เป็นต้น
เมื่อเราพัฒนาการลด ละ เลิก ในรายละเอียดของชนิดอาหารนั้นๆได้แล้ว ก็ให้พัฒนาต่อเป็นการลด ละ เลิกชนิดอาหารนั้นๆต่อกันเลย
ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนเราชอบกินผักทอด ขนมทอด เราก็ลดปริมาณการกินลงมา จนสามารถละได้เป็นช่วงเวลานาน ก็ให้ทดลองเลิกของทอดนั้นๆไปเลย เช่นเลิกกินผักทอด เห็ดทอด เมนูชุบแป้งทอดทั้งหลาย โดยการพิจารณาโทษของการกินอาหารที่มีไขมันมากเกินไป อาจจะทำให้อ้วน ทำให้มีโรคมาก ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงเต็มที่ จนกระทั่งเกิดความรู้สึกว่า ไม่กินเมนูทอดก็ไม่เป็นไร ไม่อยากกินเมนูทอดแล้วเพราะไม่ดีต่อสุขภาพ แม้จะมีมาวางอยู่ตรงหน้าก็ไม่กินเป็นอันดับแรก ไม่กระวนกระวายใจหากไม่ได้กิน ก็ให้เลิกกินของทอดไปได้เลย
แล้วค่อยลดชนิดอาหารอื่นๆ ที่มีรสจัดมาก มีการปรุงแต่งมาก มีราคาแพง หากินยาก มีขั้นตอนการทำยาก ฯลฯไปตามกำลังที่พอจะทำไหว
สุดท้ายแล้วเราก็จะลดเนื้อกินผักกันจนสามารถกินข้าวกับผักสดหรือผักต้มได้ น้ำพริกไม่ต้องมีก็ได้ ถ้าขาดธาตุอาหารใดก็ต้มกินเพิ่มได้ เช่น โปรตีนก็ใช้ถั่วต้ม ส่วนคาร์โบไฮเดรตเราได้จากข้าวอยู่แล้ว วิตามินได้จากผักนานาชนิดและข้าวกล้อง ที่เราเลือกกินให้เหมาะกับความสมดุลแข็งแรงของร่างกาย ส่วนไขมันถ้าขาดเราก็ใส่ในกระบวนการผัดก็ได้ จะกินพวกธัญพืชที่มีน้ำมันเช่น เมล็ดทานตะวัน แทนก็ได้ หรือจะกินเข้าไปตรงๆเลยก็ได้ โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่าย มีอยู่ทั่วไป ราคาไม่แพง และไม่มีโทษ คือปลอดสารเคมี ไม่ทำให้ป่วย ไม่ทำให้เสียสุขภาพ
ทั้งนี้เพื่อดำเนินไปสู่เป้าหมายคือการไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่เบียดเบียนชีวิตตนเองด้วยอาหารที่ทำลายสุขภาพ ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความผาสุกในชีวิตอย่างยั่งยืน
น้ำซุปกินได้ไหม?
น้ำซุปกินได้ไหม?
น้ำซุปกับชาวมังฯ นั้นดูจะเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ที่หลายคนสงสัยว่ากินได้ไหม? แน่นอนว่าน้ำซุปส่วนมากประกอบด้วยกระดูกสัตว์ และส่วนประกอบอื่นๆของสัตว์ต่างๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เรา “ รู้กันดี ” อยู่แล้ว ดังนั้นหากจะบอกว่ามันเป็นมังสวิรัติไหม ก็คงไม่ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดกันหน่อย
การกินมังสวิรัติได้ทันทีนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถลบบาปที่เคยทำมาตั้งแต่อดีตก่อนที่จะมากินมังสวิรัติได้ และน้อยคนนักที่จะสามารถหันมากินมังสวิรัติได้อย่างเต็มตัวในทันที การกินมังสวิรัตินั้นต้องค่อยๆพัฒนา เหมือนเด็กทารก หัดคลาน หัดยืน หัดเดิน จนกระทั่งวิ่งได้ ดังนั้นเราจึงมีกระบวนการที่เรียกว่า การลด ละ เลิก คือลดเนื้อสัตว์หันมากินผัก
ลองจินตนาการดูว่าถ้าทุกคนในบ้าน ชุมชน ประเทศ หรือในโลก เลิกกินเนื้อเป็นชิ้นๆ แล้วอุตสาหกรรมผลิตเนื้อสัตว์จะเป็นอย่างไร? ในเมื่อไม่มีการกินเนื้อเป็นชิ้นๆ แล้วยังจะมีการกินน้ำซุปจากกระดูกอีกหรือ? ในทำนองเดียวกันนั้นเอง เราจึงควรมุ่งเน้นในการลดการเบียดเบียนที่มากเสียก่อน แล้วค่อยมาทำสิ่งที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น คือลดเป็นลำดับๆไป
คนที่ตั้งใจกินมังสวิรัตินั้นเขาอาจจะไม่ได้อยากจะกินเนื้อสัตว์ แต่เพราะติดรสชาติของน้ำซุป หรืออยากมีน้ำซุปบ้าง อาจจะไม่รู้ว่าต้องสั่งอย่างไรบ้าง แต่ถ้าลดเนื้อเหลือแต่น้ำซุป ตรงนี้ก็เป็นการลดในขั้นที่ละเอียดกว่าในรูปแบบของชิ้นเนื้อทั่วไป เนื้อเป็นชิ้นๆเขาไม่กินแล้ว แต่เขายังเลิกบางอย่างไม่ได้เช่น น้ำซุป น้ำปลา กะปิ ไข่ ที่ประกอบอยู่ในอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาก็กำลังเพียรพยายามหาทาง ลด ละ เลิกต่อไป
ทีนี้คนที่มีความคิดในเชิงสมบูรณ์แบบ หรือ Perfectionist หรือเรียกง่ายๆ ว่าติดดี ก็จะมีความรู้สึกว่ามันไม่ดี ไม่งาม ไม่สมบูรณ์พร้อม จนตัวเองนั้นเป็นทุกข์เมื่อได้เห็นคนที่บอกว่ากินมังสวิรัติกินน้ำซุปที่ประกอบด้วยกระดูกสัตว์ น้ำปลา กะปิ ไข่ ฯลฯ ซึ่งทำให้เกิดนรก คือความเดือดเนื้อร้อนใจในจิตใจของตัวเอง เพราะคิดว่าตนเองทำได้แล้ว คนอื่นเขาจะต้องทำได้เหมือนตนเองมังสวิรัติมันต้องแบบนั้น มันต้องแบบนี้ถึงจะเรียกว่ามังสวิรัติ …สุดท้ายก็ทุกข์ไปคนเดียวนั่นแหละ
ซึ่งในความจริงมันเป็นแบบนั้นไม่ได้ หลายคนไม่ได้มีเหตุปัจจัยเอื้อให้กินมังสวิรัติได้สมบูรณ์แบบ ทั้งสังคม สภาพแวดล้อม และกิเลสของเขาเอง เขาก็มีกรรมเป็นของเขา แล้วเราไปยุ่งกับเขา เราก็มาทุกข์ อันนี้มันก็หาเรื่องให้ตัวเองปวดหัวกับเรื่องคนอื่นมากเกินไปหน่อย ดังนั้นใครเขาจะลดเนื้อกินผักลีลาไหนก็เรื่องของเขาเถอะ เอาเราให้สมบูรณ์ก็พอ อย่าไปหวังความสมบูรณ์แบบอะไรกับคนอื่นเลย
เพราะจากวันนี้จนถึงวันที่โลกแตกก็ยังมีคนกินเนื้ออยู่ดีนั่นแหละ แล้วเราจะไปเพ่งโทษคนที่เขาพยายามจะลดเนื้อกินผัก หรือไปเพ่งโทษคนที่พยายามจะทำดี แบบนี้ไม่เรียกหาเหาใส่หัวหรือ? เขาพยายามทำดีเท่าที่เขาจะทำได้ก็ดีแล้วนี่ ดีกว่าเขาหันไปกินเนื้อ ไม่สนใจที่จะลด ละ เลิกเลย
ความติดดีนี่แหละ จะทำให้คนหัดกินมังสวิรัติด้วยกันเอือมระอาต่อความสมบูรณ์แบบของเรา กลายเป็นเขาเลิกกินมังสวิรัติเพราะรำคาญความสมบูรณ์แบบที่เขายังไม่พร้อมจะทำ ปล่อยให้คนเก่งอย่างเรากินไปคนเดียว แล้วทีนี้เราทำลายคนที่ตั้งใจจะลดเนื้อกินผักไป มันจะมีค่าอะไร กับแค่คนเก่งคนเดียวที่กินมังสวิรัติได้สมบูรณ์แบบจะมีค่าอะไร เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่สามารถทำแค่ลดเนื้อแบบเป็นชิ้นๆได้ ผลรวมมันก็เบียดเบียนน้อยกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้นข้อสรุปที่ว่า น้ำซุปกินได้ไหม? ก็จะให้ความคิดเห็นว่า ถ้ามันลำบากใจ มากอยากกินมาก ก็กินไปเถอะ แต่ก็ให้พิจารณาโทษของมันไปเรื่อยๆ ว่ามีข้อเสียอย่างไร เบียดเบียนอย่างไร ถ้าวันหนึ่งมีกำลังใจ ตั้งใจจะเลิกเบียดเบียน ก็ลอง ลด ละ เลิกไปตามลำดับดู ให้แต่ละคนประมาณเอาเองว่าตัวเองไหวที่ระดับไหน ระดับไหนที่พอทำได้ ระดับไหนที่ฝืน ระดับไหนที่ทรมานมากเกินไป ก็ให้ประมาณกันให้พอดี ให้เหมาะกับพื้นฐานของแต่ละคน
บะหมี่น้ำ
บะหมี่น้ำ : จำได้เหมือนว่าชามนี้เป็นชามแรกที่ลองสั่งบะหมี่ผักในร้านบะหมี่ เป็นร้านบะหมี่ปู ตอนนั้นก็หิวๆ คิดอะไรไม่ออกก็เข้าไปร้าน บอกว่าต้องการบะหมี่ใส่แต่ผัก
ป้าแม่ค้าก็ผงกหน้ารับ นั่งรอสักพักแล้วก็มาเสริฟที่โต๊ะ รอดไปอีกมื้อ~
บะหมี่ ในปั้ม : ชามนี้สั่งกินระหว่างเดินทางแถวๆสระบุรี ในปั้มเราก็สามารถลดเนื้อกินผักด้วยบะหมี่ได้ บอกเขาไปเลยว่า เอาแต่บะหมี่ใส่ผักได้ไหม ~
บะหมี่ แห้ง : สำหรับคนกังวลใจเรื่องน้ำซุปที่มีซากสัตว์ปน ก็เคยลองกินมาเหมือนกัน แต่เขาก็ให้น้ำซุปมาให้เราเติมพอขลุกขลิก จะเติมก็ได้ไม่เติมก็ได้ เพราะหลักๆเราได้ลดเนื้อกินผักมากขึ้นแล้ว
บะหมี่ ต้มยำ : ซื้อจากรถเข็นบะหมี่เกี๊ยวแถวบ้าน ซื้อสัก 2-3 ครั้งสนิทกันแล้ว สั่งแบบเดิมได้ง่าย เขาก็จะตักฟักให้ด้วย เรื่องเครื่องปรุงยกไว้ก่อน กินบะหมี่ผักได้ก็เก่งละ
บะหมี่ ต้มยำสุโขทัย : ชามนี้กินในฟู๊ดเซ็นเตอร์ หลังจากสื่อสารได้ลงตัวก็ได้บะหมี่ที่ไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์เป็นก้อนๆมา น้ำปลาไม่ใส่ก็บอกเขาได้นะ เพราะเขาจะใส่เครื่องปรุงทีละลำดับ
มาม่ากะหล่ำปลี
มาม่านี่เป็นเมนูคู่ใจชาวไทยจริงๆครับ ติดบ้านไว้ฉุกเฉินตอนไม่มีอะไรกินหรือรีบๆก็พอจะกินได้ ใส่ผักเพิ่มหน่อยก็อร่อยแล้ว
แรกๆผมก็ยังใช้มาม่าแบบทั่วๆไป รสหมูสับ รสต้มยำ ฯลฯ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้อะไรมากๆ หลังๆเริ่มรู้สึกผิด ค้นหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นมังสวิรัติ สุดท้ายก็ได้มา ซื้อมาติดบ้านไว้ จะเป็นยี่ห้ออะไรก็ลองค้นกันดูในกูเกิ้ลได้เลยนะครับ ด้วยคีเวิร์ด “มาม่า มังสวิรัติ”
มาม่าชามนี้ผมใส่กะหล่ำปลีครับ ผักกะหล่ำปลีเป็นผักที่เก็บได้นาน แม้ว่าจะไม่ได้ใส่ตู้เย็น เหมาะกับตอนที่ไปเช่าบ้านอยู่ต่างจังหวัดแล้วไม่มีตู้เย็นมากๆ ใส่ต้มกินกับมาม่าก็หวาน อร่อย กินง่ายอีกด้วย
เมนูนี้ใช้เวลาทำไม่นาน ไม่ยุ่งยาก ไม่ลำบากเลย แค่หั่นผัก ต้มน้ำ ใส่ผัก ใส่เส้น ใส่เครื่องปรุง รอสักครู่ ก็เสร็จแล้ว กินง่าย ได้พลังงาน แล้วไปทำงานต่อกันเลย
มาม่ากะหล่ำปลี มาม่า หรือที่เข้าใจกันคือเส้นบะหมี่สำเร็จรูป ก็สามารถเลือกรสชาติได้ตามชอบ ส่วนที่เป็นมังสวิรัติมีไม่มาก อาจจะใช้เฉพาะเส้นมากิน เราทำน้ำซุปเองก็ได้ ใส่ผักต้มกันตามชอบ มีน้อยใส่น้อย มีมากก็ใส่ให้พอดีกิน อย่างผมกินนี่ใช้เส้น 3 ห่อ กะหล่ำปลี 1 หัว กินมื้อเดียวอยู่ได้วันหนึ่งสบายๆ ออกจะเกินๆด้วยซ้ำนะ
บะหมี่ในปั้ม
ใช่ว่ากินมังสวิรัติจะลดค่าใช้จ่ายได้เสมอไป บางทีก็แพงเหมือนกัน แล้วแต่ที่ แล้วแต่จังหวะ แล้วแต่ความคุ้นเคยของแม่ค้า ฯลฯ
ระหว่างขับรถกลับกรุงเทพฯ ผมแวะปั้มแห่งหนึ่ง มีศูนย์อาหารเล็กๆ มองหาอะไรที่กินง่ายๆ จะได้เดินทางต่อ ก็มาเห็นร้านก๋วยเตี๋ยว เลยเข้าไปสั่ง ” บะหมี่น้ำใส่แต่ผัก เอาบะหมี่ 3 ก้อนนะครับ ” สรุปชามนี้ 50 บาท… แพงใช้ได้ ค่าเช่าเขาคงแพงเนาะ ไม่ว่ากัน
ถ้าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแถวบ้าน อย่างมากก็ 30 บาทนะ เวลาเราไปสั่งที่ไหนก็อย่าไปยึดติดว่า ต้องราคาถูกเสมอไป เพราะบางทีเขาก็นับจำนวนจานที่ขายออก บางครั้งเขาก็ไม่คุ้นกับเมนูที่ไม่มีใครเคยสั่ง อะไรต่อมิอะไรมากมายให้เป็นปัจจัยผันผวน ในด้านราคา
แต่ของเขาก็อร่อยดีนะ ไม่ได้ปรุงเพิ่มสักเท่าไหร่ เพราะปกติจะกินรสใกล้ๆ รสจืดแล้ว แต่ก่อนกินรสจัดมาก น้ำตาลสองช้อน พริก 1 ช้อน ทำลายร่างกายกันไปเลย เดี๋ยวนี้พอกินจืดจะรู้รสน้ำซุปเขาได้ดีขึ้นด้วยล่ะ
บะหมี่ในปั้ม บะหมี่นี่เป็นอาหารที่หากินง่ายจริงๆ อย่างน้อยในปั้มใหญ่ๆก็ต้องมี ถ้าอยากซดน้ำ พร้อมกินเส้นกันเบาๆ ก็ไม่ยากนักที่จะหากิน ถ้าเป็นบะหมี่สำเร็จรูปมังสวิรัติก็มีขายกันอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้กิน ถ้าเจอร้านอาหาร ก็จะกินร้านอาหารมากกว่า เพราะนอกจากอิ่มแล้ว ราคารวมก็น่าจะประหยัดกว่าด้วยนะ
บะหมี่ผัก ร้านบะหมี่ปู
เดินผ่านแถวๆ โชคชัย 4 เวลากลางวัน กำลังหิวพอดี มองหาร้านอาหารที่ไหนจะพอเหมาะให้เราได้เข้าไปกินบ้างน้อ… มองไปมองมาก็เจอร้านบะหมี่ปู
เดินเข้าร้านบะหมี่ปูเข้าไปสั่ง “บะหมี่ผัก เอาแต่เส้นกับผักนะ” แค่นั้น ไม่สนปูเลย อาม่ามองหน้าไม่พูดอะไรมาก เหมือนรู้กัน ลงมือจับบะหมี่ขึ้นมาลวกๆ ระหว่างนั้นเราก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ไม่นานนักบะหมี่ก็มาเสริฟ
ไม่รู้ว่าได้ผักเยอะเป็นพิเศษรึเปล่า แต่หน้าตาน่ากินทีเดียว มีหอมซอยโรยหน้าด้วย น้ำซุปก็หวานในตัวอยู่แล้ว เป็นน้ำซุปที่เคี่ยวจากส่วนผสมของสัตว์อยู่แล้วไม่ต้องห่วง แต่เรามานอกสถานที่ ก็ต้องตัวให้เหมาะลดให้เท่าที่พอจะกินไหว เดี๋ยวมังสวิรัติร้อยเปอเซ็นต์จะออกนอกบ้านไม่ได้นะ
บะหมี่ผัก ร้านบะหมี่ปู เวลาที่เราไปสั่งบะหมี่ผัก เขาก็อาจจะถามว่าไม่ใส่เนื้อสัตว์เลยหรอ เราก็ตอบไปตามนั้น แต่ถ้าเขาไม่ถามก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็มาแบบสวยๆอย่างในรูปเอง สั่งง่าย หากินง่าย แบบนี้แหละ มังสวิรัติข้างทาง
ึความคิดเห็นล่าสุด